World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 24 มิถุนายน 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 24, 2020 09:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก 131.14 จุด เมื่อคืนนี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค.ที่ดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งนำโดยหุ้นแอปเปิล รวมทั้งความหวังที่ว่า รัฐบาลสหรัฐจะออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจเพิ่มเติม

-- นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า พื้นที่บางส่วนของสหรัฐกำลังเผชิญการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่

นายฟอซีกล่าวต่อคณะกรรมการพลังงานและพาณิชย์ของสภาคองเกรสว่า แม้นิวยอร์กมีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ลดลง แต่รัฐอื่นๆ นั้นกำลังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากำลังเกิดการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในชุมชน

เขากล่าวว่า สหรัฐเคยมีผู้ป่วยใหม่ประมาณ 30,000 รายต่อวันในช่วงที่การแพร่ระบาดรุนแรงที่สุด ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 20,000 รายต่อวัน แต่ตอนนี้ ตัวเลขดังกล่าวกำลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

-- การซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนมีความหวังว่า รัฐบาลสหรัฐจะออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากนายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า การลดหย่อนภาษีและการจ่ายเช็คเงินสดให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นั้น อาจจะรวมอยู่ในมาตรการเยียวยารอบใหม่ ขณะที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า มาตรการเยียวยารอบใหม่จะมุ่งผลักดันให้ประชาชนกลับเข้าทำงานได้เร็วขึ้น และอาจมีการพิจารณาเลื่อนเวลาการยื่นชำระภาษี

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดีดตัวขึ้น 16.6% ในเดือนพ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัย ภายหลังจากที่ตลาดได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้นเพียง 2.9%

ทั้งนี้ เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐร่วงลง 6%

โดยยอดขายบ้านใหม่ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ถูกปรับทบทวนลงเหลือ 580,000 ยูนิต จากสถิติที่ได้มีการรายงานก่อนหน้านี้ที่ 623,000 ยูนิต

-- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 46.8 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 37.0 ในเดือนพ.ค.

อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะหดตัว อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้จะเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มกลับมาดำเนินกิจการได้อีกครั้ง

ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 49.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 39.8 ในเดือนพ.ค.

สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 46.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 37.5 ในเดือนพ.ค

-- สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวขึ้น 1.75 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มิ.ย. โดยการเปิดเผยครั้งนี้มีขึ้น ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของรอยเตอร์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวขึ้น 3 แสนบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มิ.ย. โดยรายงานคาดการณ์ดังกล่าวส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 40.37 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อคืนนี้

-- ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นเดือนมิ.ย.ของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.5 จากระดับ 31.9 ในเดือนพ.ค. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 42.4

แม้ดัชนี PMI ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว แต่ถึงกระนั้นตัวเลขที่ปรับตัวขึ้นก็ถือเป็นสัญญาณบวก เนื่องจากสะท้อนถึงการหดตัวในอัตราที่ลดน้อยลง โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลในหลายประเทศของยูโรโซนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และการบริโภคที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น

สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 46.9 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 39.4 ในเดือนพ.ค.

ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 47.3 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 30.5 ในเดือนพ.ค. ซึ่งดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 41

-- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหราชอาณาจักร ดีดตัวสู่ระดับ 47.6 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 30 ในเดือนพ.ค. ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่บริษัทต่างๆ เริ่มกลับมาเปิดดำเนินธุรกิจมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ ที่ประกาศใช้ก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

แม้ดัชนี PMI ซึ่งไอเอชเอส มาร์กิต จัดทำร่วมกับซีไอพีเอส ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหราชอาณาจักรยังคงอยู่ในภาวะหดตัว แต่ก็เป็นการหดตัวในอัตราที่ช้าลง

สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น พุ่งขึ้นสู่ระดับ 50.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 40.7 ในเดือนพ.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมในภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรฟื้นกลับสู่การขยายตัวแล้ว

ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ดีดตัวสู่ระดับ 47 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 29 ในเดือนพ.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 40

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 9,353,735 และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 479,805 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (2,424,168) รองลงมาคือบราซิล (1,151,479) รัสเซีย (599,705) อินเดีย (456,115) สหราชอาณาจักร (306,210) และสเปน (293,832)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลกด้วยเช่นกัน (123,473) ตามมาด้วยบราซิล (52,771) สหราชอาณาจักร (42,927) อิตาลี (34,675) ฝรั่งเศส (29,720) และสเปน (28,325)

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ทวีตเมื่อคืนนี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐนั้น เนื่องมาจากสหรัฐมีปริมาณการตรวจหาเชื้อไวรัสมากกว่าประเทศอื่น ๆ และเจ้าหน้าที่ยังได้ขยายขอบเขตการตรวจหาเชื้อไวรัสออกไปอีกด้วย

ผู้นำสหรัฐ ได้ทวีตด้วยว่า หากเราตรวจสอบหาเชื้อไวรัสน้อยลง เราก็จะพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อน้อยลงตามไปด้วย

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อในรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐยังคงเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งรัฐแอริโซนาที่มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่ารัฐอื่น ๆ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขที่มีต่อความสามารถในการวินิจฉัยและตรวจสอบหาการติดเชื้อไวรัสที่น้อยเกินไปในสหรัฐ

-- นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวกับที่ประชุมรัฐสภาวานนี้ว่า อังกฤษจะกลับมาเปิดให้บริการในส่วนของภัตตาคาร ผับ ร้านทำผม พิพิธภัณฑ์ สนามเด็กเล่น รวมทั้งโรงภาพยนตร์อีกครั้งในวันที่ 4 ก.ค.เป็นต้นไป

โดยการกลับมาเปิดให้บริการในภาคส่วนดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ภายหลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอังกฤษลดลง โดยมีผู้ติดเชื้อในอัตราส่วนเพียง 1 ใน 1,700 คน จากระดับเดือนพ.ค.ที่มีอัตราส่วนผู้ติดเชื้อ 1 ใน 400 คน และอัตราเฉลี่ยของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ก็ลดลงเหลือประมาณ 130 รายต่อวัน

นอกจากนี้ มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมสำหรับประชาชนที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ที่ 2 เมตรนั้น จะถูกลดระยะห่างลงเหลือ 1 เมตรด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ยิมที่ตั้งอยู่ภายในอาคาร ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้เปิดบริการ

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ญี่ปุ่นมีกำหนดเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจเดือนมิ.ย.จาก Ifo และสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย. รวมถึงสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เยอรมนีเตรียมเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จาก GfK ด้านสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ