World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 3 กรกฎาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 3, 2020 08:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ลดแรงบวกในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

-- จับตาตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ คาดปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นนิวยอร์กซึ่งปิดบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวอีกครั้ง

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกมาชื่นชมตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งกว่าคาดการณ์ของสหรัฐในเดือนมิ.ย. และกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังกลับมาผงาดอีกครั้ง แม้ว่าการฟื้นตัวจะตกอยู่ภายใต้การคุกคามจากการติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมากอีกครั้งก็ตาม

-- วุฒิสภาสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ผ่านร่างกฎหมายลงโทษธนาคารที่ทำธุรกิจกับเจ้าหน้าที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายความมั่นคงซึ่งจีนเพิ่งบังคับใช้กับฮ่องกง และเป็นกฎหมายที่ถูกมองว่าบั่นทอนเอกราชของฮ่องกง

ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว หลังจากสภาผู้แทนราษฎรให้ลงมติเห็นชอบไปแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่วนขั้นตอนต่อไปคือการส่งต่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ความเคลื่อนไหวของสหรัฐมีเป้าหมายที่จะแสดงออกถึงการสนับสนุนฮ่องกงซึ่งเพิ่งถูกจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคง โดยรัฐบาลสหรัฐมองว่าเป็นกฎหมายที่โหดร้าย เนื่องจากละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 10,834,159 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 519,582 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (2,780,152) รองลงมาคือบราซิล (1,453,369) รัสเซีย (661,165) อินเดีย (606,907) สหราชอาณาจักร (313,483) และสเปน (296,739)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (130,798) ตามมาด้วยบราซิล (60,713) สหราชอาณาจักร (43,906) อิตาลี (34,788) และฝรั่งเศส (29,861)

-- Kpler ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลด้านการส่งออกน้ำมัน เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือนมิ.ย.ลง 1.84 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับของเดือนพ.ค. มาอยู่ที่ระดับ 17.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันที่ทำร่วมกับรัสเซียและประเทศพันธมิตรรายอื่นๆ

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.43 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.35 ล้านราย

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 15 แม้ว่ารัฐต่างๆ ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเมื่อคืนนี้ ต่ำกว่าที่มีการรายงานในสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 1.48 ล้านราย

ขณะที่จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 59,000 ราย สู่ระดับ 19.3 ล้านรายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 มิ.ย.

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 4.8 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3 ล้านตำแหน่ง

ขณะที่อัตราการว่างงานเดือนมิ.ย. ลดลงสู่ระดับ 11.1% จากระดับ 13.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงเดือนที่สองติดต่อกัน ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 12.3%

รายงานระบุว่า การจ้างงานในภาคบริการการท่องเที่ยวและสันทนาการพุ่งขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ภาคค้าปลีก การศึกษา และบริการสุขภาพมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน

สหรัฐขาดดุลการค้าเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนพ.ค. เนื่องจากการส่งออกร่วงลงมากกว่าการนำเข้า ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าทั่วโลก

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.7% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 5.46 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.31 หมื่นล้านดอลลาร์

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับตัวขึ้น 8% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบสามเดือน แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 8.9% หลังจากร่วงลง 13.5% ในเดือนเม.ย. และลดลง 11% ในเดือนมี.ค.

ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนพ.ค. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวถือเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ไฉซินมีกำหนดรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย. ของจีน เวลา 08.45 น. ตามเวลาไทย

จากนั้นมาร์กิตจะรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย. ของฝรั่งเศส เวลา 14.50 น. ของเยอรมนี เวลา 14.55 น. ของยูโรโซน เวลา 15.00 น. และของสหราชอาณาจักร เวลา 15.30 น.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ