World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 8 กรกฎาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 8, 2020 09:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

จับตาทิศทางตลาดหุ้นเอเชียในวันนี้ หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 400 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนไม่มั่นใจในมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ รวมทั้งการแสดงความเห็นในด้านลบจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

-- นายมาร์ค ชอร์ท ผู้ช่วยของนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่า ทำเนียบขาวต้องการให้สภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ภายในสัปดาห์แรกของเดือนส.ค. ก่อนที่สมาชิกสภาคองเกรสจะพักสมัยประชุมสภาในช่วงฤดูร้อน พร้อมกับกล่าวว่า ทำเนียบขาวต้องการจำกัดวงเงินในมาตรการเยียวยารอบใหม่ไว้ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือน้อยกว่านั้น

นายชอร์ทกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า รัฐบาลสหรัฐต้องการสร้างความเชื่อมั่นว่า ประชาชนที่ยังคงตกงานหรือกำลังเผชิญความลำบากนั้น จะได้รับการช่วยเหลือ แต่ในขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลก็ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขึ้น และรัฐบาลก็จำเป็นต้องควบคุมการใช้จ่าย โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2 รอบที่ผ่านมานั้น รัฐบาลได้ใช้เงินไปเป็นจำนวนมากแล้ว จึงทำให้มีความจำเป็นต้องควบคุมวงเงินใช้จ่ายในมาตรการเยียวยารอบใหม่ไว้ที่ระดับดังกล่าว

-- เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาแสดงมุมมองด้านลบต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ โดยนางแมรี ดาลีย์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และนายโธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ ต่างก็มีความเห็นในทางเดียวกันว่า แม้อัตราว่างงานของสหรัฐปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 11.1% ในเดือนมิ.ย. แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก และเฟดยังคงต้องดำเนินการเพื่อทำให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงอีก

ด้านนายราฟาเอล บอสติค ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา เตือนว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

-- สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 401,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 5.4 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. ส่วนอัตราการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.9% จากระดับ 3.7% ในเดือนเม.ย.

ตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านตำแหน่ง สู่ระดับ 6.5 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มเก็บข้อมูลดังกล่าวในปี 2543 ขณะที่อัตราการจ้างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 3.1% ในเดือนเม.ย.

การเพิ่มขึ้นของตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน และการจ้างงาน ได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐต่างๆในสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง ส่งผลให้ภาคธุรกิจเริ่มการจ้างงานครั้งใหม่

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 11,948,244 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 546,547ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (3,097,084) รองลงมาคือบราซิล (1,674,655), อินเดีย (743,481), รัสเซีย (694,230), เปรู (309,278) และชิลี (301,019)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (133,972) ตามมาด้วยบราซิล (66,868), สหราชอาณาจักร (44,391), อิตาลี (34,899) และเม็กซิโก (32,014)

-- นายแพทย์ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า เขาจะไม่ประหลาดใจ หากจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากโรคโควิด-19 พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่การแพร่ระบาดส่งสัญญาณรุนแรงขึ้นทั่วโลก

นายแพทย์ไรอันกล่าวว่า มีการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วโลกหลายพันรายในแต่ละวัน ขณะที่ WHO มีความกังวลต่อลาตินอเมริกา รวมทั้งภูมิภาคอเมริกาเหนือ แต่ไม่รวมแคนาดา

ขณะเดียวกัน นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าวว่า แม้จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากโควิด-19 ได้ชะลอตัวลง แต่สิ่งนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าโลกได้ประสบความสำเร็จในการจัดการกับไวรัสดังกล่าว

"การชะลอตัวของผู้เสียชีวิตทั่วโลกเกิดจากการที่บางประเทศสามารถทำการควบคุมไวรัส แต่จำนวนผู้เสียชีวิตกำลังเพิ่มขึ้นในอีกหลายประเทศ" นายแพทย์ทีโดรสกล่าว

-- ประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนารู ผู้นำบราซิล ประกาศเมื่อวานนี้ว่า ผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ของเขาปรากฎผลออกมาเป็นบวก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขามีอาการเหมือนติดเชื้อไวรัสดังกล่าว ขณะที่มีไข้สูงถึง 38 องศาเซลเซียส

ที่ผ่านมา นายโบลโซนารูมักปฏิเสธที่จะสวมหน้ากากอนามัย และไม่ได้รักษาระยะห่างทางสังคม รวมทั้งได้ตำหนิผู้ว่าการรัฐหลายแห่งที่ได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์จนทำให้เกิดปัญหาคนว่างงาน

นอกจากนี้ นายโบลโซนารูยังกล่าวว่า เขาได้กินยา hydroxychloroquine ซึ่งเป็นยารักษาโรคมาลาเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19

อย่างไรก็ดี ผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ของนายโบลโซนารูในวันนี้ เป็นหลักฐานแสดงว่า hydroxychloroquine ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้

-- ธนาคารกลางมาเลเซียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.75% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกในขณะนี้

ทั้งนี้ ธนาคารกลางมาเลเซียปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งรวม 1.25% ตั้งแต่ต้นปีนี้ รวมทั้งออกมาตรการทางการเงินและการคลังเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ธนาคารกลางคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอาจหดตัว 2% ในปีนี้ หลังจากที่มีการขยายตัว 4.3% ในปีที่แล้ว

-- รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 10% ต่อยอดขายของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึง อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ กูเกิล และ Spotify

ภายใต้กฎระเบียบใหม่ดังกล่าว บริษัทต่างชาติซึ่งมียอดขายผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านดิจิทัลในอินโดนีเซียอย่างน้อย 600 ล้านรูเปียห์ต่อปี หรือมีผู้ใช้บริการอย่างน้อย 12,000 รายต่อปี จะต้องจ่ายภาษี VAT 10%

ทั้งนี้ อินโดนีเซียประกาศจัดเก็บภาษีดังกล่าว หลังจากที่มีการคาดการณ์ว่ารายได้ของรัฐบาลจะลดลงถึง 13% ในปีนี้ เนื่องจากภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่รัฐบาลมีค่าใช้จ่ายเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในการต่อสู้กับไวรัสดังกล่าว

-- สำนักข่าว IRNA ของทางการอิหร่าน รายงานว่า องค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่าน (AEOI) ได้ปฏิเสธรายงานต่างชาติที่ว่า เกิดเหตุระเบิดที่โรงงานนิวเคลียร์แห่งหนึ่งในตอนกลางของอิหร่าน

ทั้งนี้ AEOI ระบุว่า รายงานที่ว่า เกิดเหตุระเบิดที่โรงงานนิวเคลียร์ชาฮิด เรซาอิ เนจาดในตอนกลางของอิหร่าน ถือเป็นข่าวลวงและข่าวลือ และรายงานนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อของอิสราเอลเพื่อสร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชนชาวอิหร่าน

แถลงการณ์ยังระบุว่า ภาพถ่ายทางดาวเทียมที่สื่อบางแห่งเปิดเผยออกมาไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงงานนิวเคลียร์ชาฮิด เรซาอิ เนจาดแต่อย่างใด

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพ.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นมีกำหนดเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนพ.ค. จีนเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. ขณะที่เยอรมนีเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนพ.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมถึงสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ