นายริชิ ซูแนค รมว.คลังอังกฤษจะเปิดเผยนโยบายการคลังชุดใหม่ในวันนี้ ขณะที่อังกฤษตั้งเป้าที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19
นายซูแนคจะเปิดเผย Summer Economic Update หรืองบประมาณย่อย ซึ่งคาดว่าจะรวมการปรับลดภาษี และการใช้จ่ายใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ ขณะที่อังกฤษเริ่มเปิดดำเนินการเศรษฐกิจอีกครั้ง
ในการเปิดเผยงบประมาณเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา นายซูแนคประกาศมาตรการใช้จ่ายวงเงิน 3 หมื่นล้านปอนด์ (3.9 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อรับมือกับผลกระทบด้านสุขภาพและตลาดแรงงานที่เกิดจากโรคโควิด-19 ระบาด และจากมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ตลาดได้ขานรับการประกาศมาตรการสนับสนุนที่สำคัญจากนายซูแนค และมาตรการช่วยเหลือด้านนโยบายการเงินจากธนาคารกลางอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม แทบไม่มีนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า นายซูแนคจะประกาศมาตรการช่วยเหลือด้านการคลังขนานใหญ่เหมือนในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดเริ่มมีเสถียรภาพ, รัฐบาลยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ส่วนใหญ่ และดูเหมือนอังกฤษจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้แล้ว
นายคัลลัม พิกเคอริ่ง นักเศรษฐศาสตร์ของบีเรนเบิร์กคาดว่า นายซูแนคจะประกาศมาตรการที่เฉพาะเจาะจงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจบางภาคส่วน และธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษประกาศมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่เกี่ยวกับศิลปะเป็นวงเงินถึง 1.6 พันล้านปอนด์
เศรษฐกิจอังกฤษหดตัวลงอย่างรุนแรงนับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ร่วงลง 20.4% ในเดือนเม.ย.ซึ่งเป็นการร่วงลงรายเดือนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การกู้ยืมพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.037 แสนล้านปอนด์ (1.289 แสนล้านดอลลาร์) ในเดือนเม.ย.-พ.ค. ซึ่งทำให้มูลค่าหนี้สาธารณะแซงหน้า GDP เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2506
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้อังกฤษสามารถรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจนถึงขณะนี้ได้แก่ โครงการหยุดพักงาน ซึ่งได้ช่วยสนับสนุนการจ้างงานของอังกฤษมากกว่า 30% และผลผลิตที่ร่วงลงอย่างรุนแรงก็ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน
โครงการหยุดพักงานได้รับการยกย่องว่าช่วยป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย และเผชิญกับภาวะตกต่ำที่รุนแรงและยืดเยื้อ
นายซูแนคบ่งชี้ว่า โครงการพักงานมีแนวโน้มที่จะลดลงตั้งแต่เดือนส.ค.และจะสิ้นสุดลงในเดือนต.ค. แต่เครดิตสวิสคาดการณ์ว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้การว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 3.9% สู่ระดับ 10% หรือราว 3.5 ล้านคนในช่วงครึ่งปีหลัง
นักเศรษฐศาสตร์ของเครดิตสวิสระบุว่า ไม่มีแนวโน้มที่พนักงานซึ่งถูกพักงานจะได้รับการว่าจ้างให้กลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน ขณะที่เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาโครงการพักงาน ก็จะมีการปลดพนักงานอีกรอบ
เครดิตสวิสคาดว่า จะมีการปลดพนักงานอีกรอบ เพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง, ผู้บริโภคยังวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นของโรคโควิด-19 และมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ภายในประเทศ รวมถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ล้วนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
เครดิตสวิสเรียกร้องให้นายซูแนคขยายโครงการเยียวยาการพักงานต่อไปจากเดือนต.ค.หรือทดแทนด้วยโครงการช่วยเหลือด้านค่าแรง หรือการปรับลดเงินสมทบประกันสังคมสำหรับธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง อาทิ ค้าปลีก, การเดินทาง และธุรกิจโรงแรม