World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 14, 2020 09:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์เปิดเผยในวันนี้ว่า เศรษฐกิจของประเทศได้เข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาส 2/2563 เนื่องจากการที่รัฐบาลขยายเวลาใช้มาตรการล็อกดาวน์ได้ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องปิดทำการ และยังทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคทรุดตัวลงด้วย

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 ของสิงคโปร์ หดตัวลง 41.2% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และหดตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัว 35.9%

-- บริษัทวอลท์ ดิสนีย์ โค ประกาศปิดสวนสนุก "ฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์" อีกครั้ง โดยจะเริ่มตั้งแต่วันพุธที่ 15 ก.ค.นี้เป็นต้นไป หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นในฮ่องกง

วอลท์ ดิสนีย์ได้ออกแถลงการณ์ดังกล่าวในวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งการประกาศนี้มีขึ้นภายในเวลาเพียงเดือนเดียวหลังจากฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ เพิ่งจะกลับมาเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากปิดทำการไปเกือบ 5 เดือน อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

-- สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐประกาศเมื่อวานนี้ว่า กิจกรรมภายในอาคารตามร้านอาหารและพิพิธภัณฑ์จะถูกปิดทั่วทั้งรัฐ ขณะที่กิจกรรมภายในอาคารอื่นๆ รวมถึงร้านทำผม จะต้องปิดทำการด้วยเช่นกันใน 30 เขตของรัฐแคลิฟอร์เนียจากทั้งหมด 58 เขต

เว็บไซต์ของรัฐแคลิฟอร์เนียระบุว่า ทุกเขตปกครองจะต้องปิดกิจกรรมภายในอาคารตามภาคส่วนต่างๆ รวมถึงร้านอาหารแบบทานในร้าน โรงบ่มไวน์และห้องชิมไวน์ โรงภาพยนตร์ ห้องเล่นไพ่ สวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์ ไปจนถึงศูนย์ความบันเทิงครอบครัว เช่น ลานโบว์ลิ่ง สนามมินิกอล์ฟ สนามเบสบอล และร้านเกมต่างๆ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.เป็นต้นไป

-- นายลาร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐจะพิจารณาให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อให้โรงเรียนต่างๆ เปิดการเรียนการสอนอีกครั้ง

"ท่านประธานาธิบดีเปิดเผยว่า ท่านเปิดรับคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดสรรเงินทุนเพิ่มเติมหากจำเป็นในบางรัฐและท้องถิ่น ท่านจะพิจารณาในเรื่องนั้น" นายคุดโลว์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวนอกทำเนียบขาว

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ผลักดันให้โรงเรียนต่างๆ เปิดการเรียนการสอนในฤดูใบไม้ร่วงนี้ (ก.ย.-พ.ย.) แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงพุ่งขึ้นในหลายรัฐทั่วประเทศก็ตาม

-- ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ ระบุว่า ทั้งสองบริษัทได้รับสถานะ "fast track" จากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ทางบริษัทได้รับการผ่อนคลายกฎระเบียบจาก FDA และส่งผลให้การพัฒนาวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น

ขณะนี้ วัคซีน BNT162b1 และ BNT162b2 ถือเป็นวัคซีน 2 ตัวที่มีความคืบหน้ามากที่สุดของไฟเซอร์ และ BioNTech จากทั้งหมด 4 ตัว

-- หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาการค้าประจำทำเนียบขาว กำลังกดดันให้สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ทำการทบทวนการตัดสินใจในการยุติการอนุมัติให้มีการใช้ยา chloroquine ซึ่งเป็นยารักษาโรคมาลาเรีย ในรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19

ทั้งนี้ เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน FDA ได้สั่งยุติการอนุมัติให้มีการใช้ยา chloroquine และ hydroxychloroquine ในกรณีฉุกเฉินเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดย FDA ระบุว่า ยาดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพในการรักษา นอกจากนี้ FDA ยังเตือนถึงความเสี่ยงในการเกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาดังกล่าว

-- นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ของสหรัฐและบราซิลรวมกันคิดเป็นสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งโลกในแต่ละวัน

ทั้งนี้ สหรัฐและบราซิลมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รวมกัน 111,319 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งคิดเป็นราวครึ่งหนึ่งของตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลก

"หลายประเทศกำลังไปผิดทาง โดยไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการในการลดความเสี่ยง" นายแพทย์ทีโดรสกล่าว

--ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า อินโดนีเซียยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 1,282 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมรวม 76,981 ราย

ขณะนี้ การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ลุกลามไปทั้ง 34 จังหวัดของอินโดนีเซีย

นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 50 ราย ส่งผลให้ขณะนี้อินโดนีเซียมีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมรวม 3,656 ราย

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ จีนมีกำหนดเปิดเผยดุลการค้าเดือนพ.ค., เยอรมนีเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย., อังกฤษเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนพ.ค.และการผลิตภาคอุตสาหกรรม และสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนมิ.ย. และอัตราว่างงานเดือนมิ.ย., ออสเตรเลียเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากเวสต์แพค, ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, อังกฤษเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย., สหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ