World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 15 กรกฎาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 15, 2020 09:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 556.79 จุด เมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุ รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดรุกซื้อสินทรัพย์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งถูกกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

-- นักลงทุนจับตาผลการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของกลุ่มประเทศโอเปกพลัสในวันนี้ โดยที่ประชุมจะมีการหารือกันเกี่ยวกับข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดภายในสิ้นเดือนนี้

มีการคาดการณ์กันว่า ในการประชุมครั้งนี้ JMMC จะเสนอให้โอเปกพลัสผ่อนคลายข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยให้มีการเพิ่มกำลังการผลิตจากระดับในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าโอเปกพลัสจะเห็นชอบต่อข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากราคาน้ำมันได้ดีดตัวขึ้นแล้วในขณะนี้ และอุปสงค์น้ำมันได้ฟื้นตัวขึ้นจากการที่ประเทศต่างๆ กลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากมีมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า โอเปกพลัสจะเห็นชอบต่อข้อเสนอของ JMMC ในการผ่อนคลายข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยให้มีการปรับลดกำลังการผลิตเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนส.ค.จนถึงสิ้นปี 2563 จากเดิมที่ปรับลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรล/วันในขณะนี้

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทยว่า เขาได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายการคว่ำบาตรจีน เพื่อตอบโต้จีนที่แทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้ลงนามในคำสั่งของฝ่ายบริหาร เพื่อยุติการให้สถานะพิเศษแก่ฮ่องกงด้วย

"นับตั้งแต่นี้ ฮ่องกงจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับจีนแผ่นดินใหญ่ โดยจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษ ไม่ได้รับการปฏิบัติทางเศรษฐกิจแบบพิเศษ และจะไม่มีการส่งออกเทคโนโลยีที่อ่อนไหว นอกจากนี้ เราจะกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้ามูลค่ามหาศาลจากจีน" ปธน.ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้นที่โรสการ์เด้นในทำเนียบขาว

ปธน.ทรัมป์ยังได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายเพื่อคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลิดรอนเสรีภาพในฮ่องกง โดยการดำเนินการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากจีนผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง ซึ่งจะเปิดทางให้มีการกวาดล้างสิ่งที่จีนมองว่าเป็นกิจกรรมที่เป็นการบ่อนทำลายในฮ่องกง ซึ่งรวมถึงการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ที่ทำให้เกิดความรุนแรงในปีที่ผ่านมา

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปพุ่งขึ้นในเดือนมิ.ย. ทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 8 ปี หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 เดือน

การพุ่งขึ้นของดัชนี CPI ทั่วไปในเดือนมิ.ย.ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน ขณะที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ ดัชนี CPI ทั่วไปดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2555 หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย.เช่นกัน หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายปี

-- นายโอลิเวอร์ ดาวเดน รัฐมนตรีด้านสื่อของอังกฤษ กล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษได้ตัดสินใจห้ามการใช้อุปกรณ์ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ในเครือข่ายโทรศัพท์มือถือระบบ 5G ของอังกฤษ อันเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคง

นายดาวเดนกล่าวว่า การที่สหรัฐมีคำสั่งคว่ำบาตรหัวเว่ยในเดือนพ.ค.เป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่นต่อความปลอดภัยในอุปกรณ์ของหัวเว่ย

การตัดสินใจล่าสุดของรัฐบาลอังกฤษถือเป็นการกลับลำจากมติก่อนหน้านี้ซึ่งอนุญาตให้หัวเว่ยมีบทบาทที่จำกัดในเครือข่าย 5G ของอังกฤษ

-- สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐ (NBER) เปิดเผยบทวิเคราะห์ที่ระบุว่า จำนวนเจ้าของธุรกิจในสหรัฐปรับตัวลดลง 2.2 ล้านราย หรือ 15% จากเดือนก.พ. 2563 แต่เพิ่มขึ้น 7% จากระดับต่ำสุดในเดือนเม.ย.

เอกสารที่เผยแพร่โดย NBER เผยให้เห็นว่า เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในสหรัฐได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างไม่เป็นสัดส่วนกัน โดยเจ้าของธุรกิจชาวแอฟริกัน-อเมริกันได้รับผลกระทบมากที่สุดจากโควิด-19 ดังเห็นได้จากกิจกรรมทางธุรกิจที่ลดลง 26% จากระดับก่อนช่วงโควิด-19

ขณะเดียวกัน เจ้าของธุรกิจชาวเอเชียลดลง 21% และเจ้าของธุรกิจชาวละตินลดลง 19% ขณะที่เจ้าของธุรกิจที่เป็นผู้อพยพลดลงมากถึง 25%

นอกจากนี้ รายงานของ NBER ระบุว่า หากผลกระทบเชิงลบจากโควิด-19 ที่มีต่อธุรกิจของชนกลุ่มน้อยและผู้อพยพยังคงยืดเยื้อ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาด้านความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติในวงกว้าง เนื่องจากธุรกิจของชนกลุ่มน้อยมีความสำคัญต่อการสร้างงานในท้องถิ่นและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ

-- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยข้อมูลระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาลดลงในเดือนมิ.ย.แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 80 ปี โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ

ทั้งนี้ เวเนซุเอลาผลิตน้ำมัน 393,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2486 และลดลงจากระดับ 573,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ค. รวมทั้งดิ่งลง 52% จากระดับเฉลี่ย 821,000 บาร์เรล/วันในช่วงไตรมาสแรก

การทรุดตัวของการผลิตน้ำมันในเวเนซุเอลาได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของ Petroleos de Venezuela ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา เพื่อกดดันให้ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโล ลาออกจากตำแหน่ง

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 13,456,344 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 581,154 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (3,545,077) รองลงมาคือบราซิล (1,931,204), อินเดีย (937,487), รัสเซีย (739,947), เปรู (333,867) และชิลี (319,493)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (139,143) ตามมาด้วยบราซิล (74,262), สหราชอาณาจักร (44,968), เม็กซิโก (36,327) และอิตาลี (34,984)

-- สำนักข่าว CNBC ระบุว่า ตัวเลขค่าเฉลี่ย 7 วันของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่า 60,000 รายเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้

เมื่อพิจารณาทั่วประเทศสหรัฐ พบว่าตัวเลขค่าเฉลี่ย 7 วันของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในรัฐต่างๆมากกว่า 1 ใน 3 มีจำนวนสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รัฐฟลอริดาและจอร์เจียทำลายสถิติโดยมีตัวเลขค่าเฉลี่ย 10,855 ราย และ 3,358 รายตามลำดับ

เมื่อมีการปรับตัวเลขตามขนาดของจำนวนประชากร พบว่า ฟลอริดาเป็นรัฐที่มีการแพร่ระบาดรวดเร็วที่สุดในสหรัฐ ตามมาด้วยแอริโซนา หลุยเซียนา และเซาท์แคโรไลนา

-- รัฐบาลอังกฤษประกาศให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยขณะเข้าร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศ โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.

ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวจะถูกปรับเป็นเงิน 100 ปอนด์ หรือราว 4,000 บาท

โฆษกทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า มีหลักฐานแสดงว่าการสวมหน้ากากอนามัยจะช่วยปกป้องผู้สวมและผู้คนรอบข้างจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

-- โมเดอร์นา (Moderna) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากสหรัฐ เปิดเผยว่า วัคซีน mRNA-1273 สำหรับต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางบริษัทผลิตขึ้นนั้น สามารถสร้างการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันได้อย่าง "แข็งแกร่ง"

โมเดอร์นาออกแถลงการณ์ในช่วงค่ำวันอังคารตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยระบุว่า ผลการทดลองขั้นต้นในการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 กับผู้ป่วย 45 คนพบว่า ผู้ป่วยทั้งหมดมีการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันในระดับที่แข็งแกร่ง โดยผู้ป่วยทั้ง 45 คนสามารถผลิตแอนติบอดีที่เป็นกลาง ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีความสำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกัน และได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้นว่า วัคซีนอาจสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ในระดับหนึ่ง

-- นักวิจัยของอิสราเอลและสหรัฐพบว่า Fenofibrate ซึ่งเป็นยาลดคอเลสเตอรอล มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19

ทั้งนี้ นักวิจัยจาก Hebrew University of Jerusalem และ Mount Sinai Medical Center พบว่า Fenofibrate มีสรรพคุณในการช่วยให้เซลล์จากปอดเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น จึงทำให้ไวรัสโควิด-19 ไม่สามารถเกาะตัวกับเซลล์ดังกล่าว และลดความสามารถของไวรัสในการแตกตัวเพิ่มขึ้น

นักวิจัยระบุว่า หลังจากที่ได้รับยาเพียง 5 วัน ไวรัสก็ได้หายไปจากร่างกายของผู้ป่วย ขณะที่ลดความรุนแรงของโควิด-19 เป็นเพียงไข้หวัดใหญ่

ผลการวิจัยดังกล่าวมาจากการเข้าใจธรรมชาติของไวรัสโควิด-19 ที่ว่า ไวรัสจะขัดขวางการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ทำให้มีการสะสมไขมันภายในเซลล์ของปอดมากขึ้น ซึ่งเป็นภาวะจำเป็นต่อการแตกตัวของไวรัส โดยไวรัสโควิด-19 ไม่สามารถแตกตัวออกเองได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยเซลล์ของมนุษย์ในการทำภารกิจดังกล่าว ดังนั้นการใช้ยาที่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการแตกตัวของไวรัส จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19

-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย อังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. และสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนมิ.ย, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รวมถึง รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (เช้าวันที่ 16 ก.ค.)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ออสเตรเลียจะเปิดเผย อัตราว่างงานเดือนมิ.ย. ขณะที่จีนมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 รวมถึงอัตราว่างงาน, ยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรประจำเดือนมิ.ย. ด้านอังกฤษเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ค. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐจะเปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., ดัชนีการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ