World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 11 สิงหาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 11, 2020 09:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สื่อต่างประเทศรายงานว่า กองอำนวยการทั่วไปด้านความมั่นคงแห่งรัฐของเลบานอนได้เตือนประธานาธิบดีมิเชล อูน และนายกรัฐมนตรีฮัสซัน ดิอาบ ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้วว่า แอมโมเนียมไนเตรตปริมาณ 2,750 ตันที่เก็บไว้ที่ท่าเรือในกรุงเบรุตนั้นเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และอาจทำลายกรุงเบรุตซึ่งเป็นเมืองหลวงหากเกิดระเบิดขึ้น โดยคำเตือนดังกล่าวมาจากจดหมายฉบับหนึ่งที่ส่งถึงประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของเลบานอนเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่กรุงเบรุตเปิดเผยว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ต่อมาหลังการเตือนดังกล่าว สารเคมีดังกล่าวก็ได้เกิดระเบิดขึ้นที่ท่าเรือในกรุงเบรุต ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 163 ราย บาดเจ็บกว่า 6,000 ราย และทำลายอาคารราว 6,000 แห่ง

-- สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน (CAAM) เปิดเผยยอดขายรถยนต์เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 16.4% จากปีก่อน สู่ระดับ 2.11 ล้านคัน โดยเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน

ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์จีนซึ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดหลังได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ส่วนยอดขายรถยนต์ในจีนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยังคงลดลง 12.7% สู่ระดับ 12.37 ล้านคันเมื่อเทียบเป็นรายปี

-- ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานในวันนี้ว่า ณ เวลา 19.35 น.ของวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ หรือ 06.35 น.ของวันอังคารตามเวลาไทย ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกทะลุหลัก 20 ล้านรายแล้ว โดยขณะนี้อยู่ที่ 20,001,019 ราย และยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ 733,897 ราย

ทั้งนี้ สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก โดยมียอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 5,085,821 ราย และเสียชีวิต 163,370 ราย ซึ่งเท่ากับ 1 ใน 4 ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมกันทั่วโลก ขณะที่บราซิลตามมาเป็นอันดับสอง โดยมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,057,470 ราย และเสียชีวิต 101,752 ราย ส่วนอินเดียขณะนี้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 2.2 ล้านราย

-- หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐได้ทวีตข้อความชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ยิงกันบริเวณนอกทำเนียบขาวจนเป็นเหตุให้ทางเจ้าหน้าที่ต้องนำตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงจากโพเดียมการแถลงข่าวในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย

ข้อความบนทวิตเตอร์ของหน่วยอารักขาระบุว่า "เรากำลังสอบสวนเหตุการณ์ยิงกันซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขารายหนึ่ง โดยขณะนี้ชายผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งและเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขารายดังกล่าวได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในพื้นที่แล้ว"

"ผู้ก่อเหตุยิงครั้งนี้ไม่สามารถบุกเข้าพื้นที่ทำเนียบขาวได้ และไม่มีบุคคลในทำเนียบขาวคนใดได้รับอันตราย" ข้อความบนทวิตเตอร์ของหน่วยอารักขาระบุ

-- เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาได้นำตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงจากโพเดียมการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำเนียบขาวในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย หลังเกิดเหตุยิงกันบริเวณนอกทำเนียบขาว อย่างไรก็ดี หน่วยอารักขาได้นำตัวปธน.ทรัมป์ลงจากโพเดียมแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะพาปธน.ทรัมป์กลับเข้ามาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปธน.ทรัมป์กล่าวหลังจากที่เดินกลับเข้ามายังห้องแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า "เกิดเหตุยิงจริงๆ และมีคนถูกนำตัวเข้าโรงพยาบาล ผมไม่ทราบว่าคนนั้นมีอาการอย่างไรบ้าง"

"ดูเหมือนว่าจะคุมสถานการณ์ได้ดีแล้ว" ปธน.ทรัมป์กล่าว "คนที่ถูกยิงคือผู้ต้องสงสัย"

-- นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ หากพรรคเดโมแครต"มีเหตุมีผล"

นายมนูชินกล่าวว่า ยังคงมีโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกฎหมายดังกล่าวจะสามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

อย่างไรก็ดี นายมนูชินปฏิเสธที่จะระบุว่า เขาและนายมาร์ก มีโดว์ส หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว รวมทั้งนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา จะเริ่มการเจรจาอีกครั้งเมื่อใด หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการหารือกันในสัปดาห์ที่แล้ว

-- Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลการสำรวจพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ภาคธุรกิจของเยอรมนีคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะยังคงบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อไปอีก 8 เดือนครึ่ง ท่ามกลางความกังวลของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว

ทั้งนี้ ธุรกิจสันทนาการคาดว่ารัฐบาลจะยังคงบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดต่อไปอีก 13 เดือน ส่วนธุรกิจร้านอาหารและจัดส่งอาหาร รวมทั้งธุรกิจด้านศิลปะคาดว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดต่อไปอีก 11 เดือน ส่วนธุรกิจก่อสร้างและการผลิตคาดว่ารัฐบาลจะบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดต่อไปอีก 8.2 เดือน และ 7.8 เดือนตามลำดับ

-- นายฮัสซัน ดิอาบ นายกรัฐมนตรีเลบานอนแถลงวานนี้ว่า คณะรัฐมนตรีของเขาได้ประกาศลาออกทั้งคณะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดรุนแรงในกรุงเบรุต

ทั้งนี้ เหตุระเบิดดังกล่าวได้คร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 163 ราย และบาดเจ็บกว่า 6,000 ราย ส่งผลให้ชาวเลบานอนจำนวนมากไม่พอใจรัฐบาล และออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง เนื่องจากเชื่อว่ามีการทุจริตคอร์รัปชันอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดในครั้งนี้

-- นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า WHO เริ่มมองเห็นความหวังในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 แม้ว่าขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกเกินกว่า 20 ล้านราย และยอดผู้เสียชีวิตเข้าใกล้ระดับ 750,000 ราย

"ผมรู้ว่าหลายคนกำลังมีความกังวล และนี่เป็นเวลาที่ยากลำบากสำหรับโลก" นายแพทย์ทีโดรสกล่าว

"แต่ผมเริ่มมองเห็นความหวัง และไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรในประเทศหนึ่ง ภูมิภาคหนึ่ง หรือในเมืองหนึ่ง แต่มันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก" เขากล่าว

-- สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 518,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 5.9 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย.

ส่วนอัตราการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.1% จากระดับ 3.9% ในเดือนพ.ค.

อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจ้างงานลดลง 503,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 6.7 ล้านตำแหน่ง แต่ก็ยังคงสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มเก็บข้อมูลดังกล่าวในปี 2543 ขณะที่อัตราการจ้างงานลดลงสู่ระดับ 4.9% จากระดับ 5.4% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมิ.ย. ออสเตรเลียเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.ค.จากเนเชันแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) อังกฤษเผยอัตราว่างงานเดือนมิ.ย., สถาบัน ZEW เปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนส.ค.ของสหภาพยุโรปและเยอรมนี ทางด้านสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.ค. จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ จีนเปิดเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนก.ค., ยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนเดือนก.ค. และยอดขายรถเดือนก.ค., เกาหลีใต้เปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ค., ออสเตรเลียเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากเวสต์แพค, อียูเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ