World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 13 สิงหาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 13, 2020 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งข่าวความคืบหน้าในการผลิตวัคซีน และข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,976.84 จุด เพิ่มขึ้น 289.93 จุด หรือ +1.05%

-- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืน โดยได้แรงหนุนจากข่าวความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนโควิดและข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ

-- นักวิเคราะห์หลายรายมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ โดยนายฟิลลิป สเตียเบิล นักวิเคราะห์จากบริษัทบลูไลน์ ฟิวเจอร์ส ในชิคาโกคาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นทำนิวไฮภายในสิ้นปีนี้ โดยอาจพุ่งแตะ 2,500 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากราคาทองยังคงได้รับปัจจัยหนุนที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คำมั่นว่าจะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19

ด้านนายเจมส์ สตีล นักวิเคราะห์จากธนาคารเอชเอสบีซีกล่าวว่า การที่เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับปัญหาต่างๆ ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงที่เกิดจากปัญหาการเมืองระหว่างประเทศนั้น ยังคงเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ทองคำยังคงได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลาง และรัฐบาลทั่วโลกเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นทั้งในด้านการเงินและการคลัง

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ให้คำมั่นสัญญาในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวในวันพุธตามเวลาสหรัฐหรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทยว่า หากเขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย เขาจะยกเลิกการเรียกเก็บภาษีเงินเดือนทั้งหมด พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่า ระบบประกันสังคมจะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

"หากผมได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้ง ผมจะยกเลิกภาษีเงินเดือนทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้" ปธน.ทรัมป์กล่าว พร้อมระบุว่า "เราจะจ่ายเงินเข้าสู่ระบบประกันสังคมผ่านทางกองทุนทั่วไป"

-- นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า จุดยืนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐระหว่างทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังคง"ห่างกันเป็นไมล์"

ทั้งนี้ นางเพโลซี และนายชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา ไม่ได้พบกับนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายมาร์ก มีโดว์ส หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว นับตั้งแต่ที่การเจรจาของทั้ง 2 ฝ่ายประสบความล้มเหลวเมื่อวันศุกร์

-- สื่อต่างประเทศรายงานว่า ผู้เจรจาของสหรัฐและจีนวางแผนที่จะหารือกันเกี่ยวกับความคืบหน้าของข้อตกลงการค้าเฟสแรกในเร็วๆ นี้ ขณะที่จีนจะขยายประเด็นการหารือให้รวมถึงกรณีที่สหรัฐสั่งแบนแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) และวีแชท (WeChat) ของจีน

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การประชุมทางไกลดังกล่าวมีแนวโน้มเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ แม้ยังไม่ได้สรุปวันที่แน่นอนก็ตาม

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายแลร์รี คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปฏิเสธเกี่ยวกับความวิตกที่ว่า ข้อตกลงการค้าเฟสแรกจะประสบความล้มเหลว

นายคุดโลว์กล่าวว่า จีนได้เพิ่มการซื้อสินค้าสหรัฐอย่างมาก

-- เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา สหภาพยุโรป (EU) ประกาศตัดสิทธิพิเศษทางการค้าต่อกัมพูชา ขณะที่แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศ

มาตรการดังกล่าวของ EU ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าด้านการเดินทางท่องเที่ยวของกัมพูชา ส่งผลให้กัมพูชาจะต้องเสียภาษีในอัตราเดียวกับประเทศอื่นๆที่เป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก (WTO)

-- นายคิริล ดมิทริฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกองทุนความมั่งคั่ง RDIF ของรัสเซีย ซึ่งให้การสนับสนุนการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 กล่าวว่า รัสเซียได้พัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นการต่อยอดจากวัคซีนต้านไวรัสอีโบลา และวัคซีนป้องกันโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ MERS

นายดมิทริฟกล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสอีโบลา และวัคซีนป้องกันโรค MERS ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ช่วยให้รัสเซียสร้างวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ ออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ค. เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ค. จีนมีกำหนดเปิดเผยราคาบ้านเดือนก.ค. การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนก.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ยอดค้าปลีกเดือนก.ค. และอัตราว่างงานเดือนก.ค. ทางด้านฝรั่งเศสจะอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ในส่วนของอียูมีกำหนดเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 และดุลการค้าเดือนมิ.ย. และสหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ