World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 28, 2020 09:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เปิดตลาดในแดนบวกวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อวันศุกร์ รวมทั้งรายงานที่ว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนในเดือนส.ค. อยู่ที่ 6.12 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 9 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี

-- ศาลของรัฐบาลกลางสหรัฐได้ระงับคำสั่งของคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการห้ามดาวโหลดแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) จากแอปสโตร์ของบริษัทแอปเปิลและกูเกิล

ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ออกคำสั่งห้ามดาวน์โหลดแอปวิดีโอสั้นติ๊กต็อกจากแอปสโตร์ของแอปเปิลและกูเกิล โดยคำสั่งห้ามดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในเวลา 23.59 น.ของวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐ หรือ 10.59 น.ของวันจันทร์ตามเวลาไทย

ผู้พิพากษาคาร์ล นิโคลส์ แห่งศาลแขวงสหรัฐในกรุงวอชิงตัน ได้ทำการไต่สวนคำร้องของติ๊กต็อกเพื่อคัดค้านคำสั่งห้ามดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ และมีคำวินิจัยฉัยให้ระงับคำสั่งดังกล่าวของปธน.ทรัมป์เป็นการชั่วคราว

-- นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า ยังคงมีโอกาสที่เธอและนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ จะสามารถบรรลุข้อตกลงการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นางเพโลซีเปิดเผยกับรายการ "State of the Union" ของสถานีโทรทัศน์ CNN ว่า "ดิฉันเชื่อว่านายมนูชินจะนำเสนอบางสิ่งที่จะทำให้เราสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ และดิฉันเชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้วเราจะตกลงกันได้"

"สิ่งที่เรากำลังผลักดันในเวลานี้ก็คือข้อเสนอที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงกรอบเวลาที่พอเหมาะ และวงเงินในโครงการ Paycheck Protection Program (PPP) เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งสนับสนุนบุคลากรแนวหน้าที่ร่วมต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งดิฉันคิดว่า เรามีโอกาสที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง" นางเพโลซีกล่าว

-- จับตานายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ซึ่งจะจัดการเจรจาทางโทรศัพท์ระหว่างกันเป็นครั้งแรกในวันอังคารที่จะถึงนี้

ในระหว่างการหารือทางโทรศัพท์นั้น คาดว่าผู้นำทั้งสองจะยืนยันความมุ่งมั่นในการเจรจาทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพหลังสงคราม และความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ

-- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) เผยแพร่รายงานคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ฉบับใหม่ซึ่งระบุว่า จำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตในสหรัฐ อาจเพิ่มเป็น 226,000 รายภายในวันที่ 17 ต.ค.นี้

รายงานฉบับใหม่ของ CDC คาดการณ์ว่า สหรัฐอาจจะมีผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่ม 3,400-7,400 รายในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 17 ต.ค. ส่งผลให้สหรัฐมีผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สะสม 214,000-226,000 รายเมื่อนับถึงวันดังกล่าว

-- บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปของญี่ปุ่น กำลังพิจารณาที่จะเกษียณอายุพนักงานก่อนกำหนดจำนวน 500-600 คนโดยจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.นี้ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้าง หลังจากยอดขายของบริษัททรุดตัวลงท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางที่เปิดเผยในเดือนก.ค.ที่ผ่านมานั้น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนด้านแรงงาน อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะลดต้นทุนโดยรวมลงมากกว่า 20% เพื่อปรับปรุงสถานะการเงินของบริษัท

-- medRxiv ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านการแพทย์ได้เผยแพร่ผลการทดลองวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ในวันศุกร์บ่งชี้ว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของ J&J เพียงเข็มเดียว ก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในการต้านทานเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ในการทดลองระยะแรกและระยะที่สอง

ทั้งนี้ ผลการวิจัยพบว่า วัคซีนของ J&J ที่มีชื่อว่า Ad26.COV2.S นั้น ให้ผลในการสร้างภูมิคุ้มกันที่เท่าเทียมกันแม้ในปริมาณโดสที่แตกต่างกัน ดังนั้นการฉีดวัคซีนของ J&J เพียงโดสเดียวที่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้นั้น ก็อาจจะทำให้การจัดจำหน่ายวัคซีนเป็นไปอย่างง่ายดายมากขึ้น ในขณะที่บริษัทคู่แข่งอย่างโมเดอร์นา และไฟเซอร์นั้น ทำการทดลองโดยใช้การฉีดวัคซีนในปริมาณสองโดส

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเสนอชื่อ เอมี โคนีย์ แบร์เรตต์ เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาสหรัฐแทนนางรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ซึ่งเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นางแบร์เรตต์ วัย 48 ปี ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาสายอนุรักษ์นิยมของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ของสหรัฐ โดยปธน.ทรัมป์เป็นผู้เสนอชื่อแบร์เรตต์ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวในปี 2560 และได้รับการรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐด้วยคะแนนเสียง 55 ต่อ 43 เสียง

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค. และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีการผลิตเดือนก.ย. จากเฟดสาขาดัลลัส

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้มีกำหนดเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ขณะที่อียูเตรียมเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จาก Conference Board


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ