World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 1, 2020 09:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าทำเนียบขาวและสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ขณะที่นักลงทุนซึมซับผลการดีเบตรอบแรกเมื่อวานนี้ ซึ่งผลสำรวจบ่งชี้ว่า นายโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต มีคะแนนนำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,781.70 จุด พุ่งขึ้น 329.04 จุด หรือ +1.20%

-- ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (JPX) ประกาศระงับการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดในช่วงเช้านี้ เนื่องจากพบปัญหาเกี่ยวกับระบบเครือข่าย และขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่า ทางตลาดจะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้เมื่อใด

แถลงการณ์ของ JPX ระบุว่า ปัญหาเครือข่ายที่พบนั้นเกี่ยวข้องกับการส่งข้อมูลของตลาด และตลาดยังไม่สามารถรับคำสั่งซื้อขายหุ้นได้ในขณะนี้ โดยสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้การซื้อขายหุ้นของทุกบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ต้องถูกระงับ

-- สำนักข่าวนิกเกอิของญี่ปุ่นรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า แอร์เอเชีย (AirAsia) ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของมาเลเซียและเป็นรายใหญ่ของเอเชีย เตรียมปิดธุรกิจในญี่ปุ่น เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการจำกัดการเดินทางทั่วโลก

รายงานข่าวระบุว่า แอร์เอเชียจะประกาศปิดกิจการในญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในช่วงต้นสัปดาห์หน้า โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากผู้บริหารของแอร์เอเชียได้ประชุมกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และได้ตัดสินใจปิดกิจการในญี่ปุ่น

ก่อนหน้านี้ แอร์เอเชีย เอ็กซ์ (AirAsia X) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของแอร์เอเชียและให้บริการเที่ยวบินระยะไกลที่มีญี่ปุ่นอยู่ในเส้นทางบินด้วยนั้น เปิดเผยผลประกอบการทรุดหนักในไตรมาส 2 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบิน

-- นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เปิดเผยว่า การที่อิสราเอลจะออกจากมาตรการล็อกดาวน์ในขณะนี้ อาจจะต้องใช้เวลานานถึง 6-12 เดือน

"การออกจากมาตรการล็อกดาวน์จะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอาจใช้เวลา 6-12 เดือน" เขากล่าว

-- พนักงานจำนวนกว่า 3 หมื่นรายในอุตสาหกรรมการบินสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะถูกเลิกจ้างเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ หากไม่ได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากรัฐบาลภายในเส้นตายวันนี้

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐให้เงินเยียวยาสายการบินสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คิดเป็นวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. โดยมีข้อแม้ว่า บริษัทเหล่านี้จะต้องไม่ปลดพนักงานจนถึงวันที่ 30 ก.ย.

-- นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า ชาวอเมริกันจะไม่นิ่งเฉย หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พ่ายแพ้การเลือกตั้งในเดือนพ.ย. และปฏิเสธที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง

"ท่านประธานาธิบดีจะต้องลาออก เพราะชาวอเมริกันจะไม่ยอมอดทนในเรื่องนี้ และจะไม่มีหน่วยงานใดๆยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ โดยชาวอเมริกันจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป" นายไบเดนกล่าว

-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล

สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 831,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

-- นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า เขาจะทำการเจรจาครั้งใหม่กับนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นายมนูชินกล่าวว่า เขามีความหวังว่าเขาจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับนางเพโลซีในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 3/2563 ซึ่งรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ดีดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2560 หรือในรอบ 11 ไตรมาส หลังจากดัชนีดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ดัชนีทังกันประจำไตรมาส 3 ดีดตัวขึ้นแตะระดับ -27 จากระดับ -34 ในไตรมาส 2 ขณะที่นักวิเคราะห์ในผลสำรวจของสำนักข่าวเกียวโดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีทังกันประจำไตรมาส 3 จะอยู่ที่ -23

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มบริษัทนอกภาคการผลิต ซึ่งรวมถึงภาคบริการนั้น ดีดขึ้นสู่ระดับ -12 ในไตรมาส 3 จากระดับ -17 ในไตรมาส 2

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.ย. อินโดนีเซียจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. ด้านมาร์กิตมีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.ของฝรั่งเศส, เยอรมนี อียู และสหรัฐ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.ของอังกฤษซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับซีไอพีเอส ขณะที่อียูจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนส.ค. และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนส.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นมีกำหนดเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. ออสเตรเลียจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนส.ค. และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ