World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 12, 2020 09:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของสกุลเงินหยวนอย่างใกล้ชิด หลังจากธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงินเมื่อทำธุรกรรมฟอร์เวิร์ดสกุลเงินต่างประเทศ ลงเหลือ 0% จากปัจจุบัน 20% โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ที่ผ่านมานั้น PBOC มีกฎว่า สถาบันการเงินจะต้องกันเงินสดสำรอง 20% ของยอดการชำระบัญชีการทำธุรกรรมฟอร์เวิร์ดสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อเป็นเงินทุนสำรองป้องกันความเสี่ยงสกุลเงินต่างประเทศ โดย PBOC ได้ประกาศใช้มาตรการดังกล่าวเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

การออกมาตรการล่าสุดของ PBOC มีขึ้นหลังจากเงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้น 1.4% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นับเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในรอบกว่า 13 ปี ซึ่งทำให้การกำหนดอัตราค่ากลางเงินหยวนรายวันของ PBOC ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด

-- ทวิตเตอร์ ได้แจ้งเตือนข้อความบนทวีตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ซึ่งกล่าวอ้างว่า เขามีภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 โดยทวิตเตอร์ระบุว่า ข้อความดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ถือเป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ว่าด้วยการให้ข้อมูลเท็จที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19

ทวิตเตอร์ขึ้นแถบเตือนข้อความของปธน.ทรัมป์ที่ระบุว่า "คณะแพทย์ประจำทำเนียบขาวอนุญาตให้ผมออกจากทำเนียบขาวโดยสมบูรณ์เมื่อวานนี้ ซึ่งหมายความว่า ผมจะไม่ติดโรคโควิด-19 อีกแล้ว (มีภูมิคุ้มกัน) และก็จะไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่นด้วย ช่างเป็นความรู้สึกดีที่ได้รู้เรื่องนี้"

ทวิตเตอร์ชี้แจงว่า ข้อความบนทวิตเตอร์ของปธน.ทรัมป์ถือเป็นการละเมิดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นอันตรายและเป็นเท็จเกี่ยวกับโรคโควิด-19 โดยนอกจากการขึ้นแถบเตือนแล้ว ทวิตเตอร์ได้จำกัดการเข้าถึงข้อความดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามกฎของทวิตเตอร์

-- หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า ทางการยุโรปเตรียมยกระดับกฎระเบียบด้านการกำกับดูแล โดยจะบังคับให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แชร์ข้อมูลกับคู่แข่ง และกวดขันการเก็บรวบรวมข้อมูลให้มีความโปร่งใสมากขึ้น

รายงานข่าวระบุว่า บริษัทที่เข้าข่ายต้องปฏิบัติตามระเบียบใหม่นี้ ประกอบด้วยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ประมาณ 20 แห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะรวมถึงแอปเปิล แอมะซอน และเฟซบุ๊ก

นอกจากนี้ ระเบียบกำกับดูแลใหม่นี้อาจบังคับให้มีการแตกกิจการด้วย หากสถานการณ์บีบให้ต้องทำเช่นนั้น

-- นายปีเตอร์ ฮอร์บี้ นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของอังกฤษ เตือนว่า อังกฤษอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบที่ 2 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต

นายฮอร์บี้ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มที่ปรึกษาด้านภัยคุกคามจากไวรัสระบบทางเดินหายใจที่อุบัติใหม่ (Nervtag) และที่ปรึกษารัฐบาลอังกฤษ กล่าวว่า อังกฤษยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงมาก

"ภารกิจที่สำคัญในปัจจุบันคือ การป้องกันบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ไม่ให้รับมือหนักเกินไป เราจำเป็นต้องให้การดูแลแก่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิดและผู้ที่ไม่ได้ป่วย วิธีดังกล่าวจะทำให้การแพร่ระบาดลดน้อยลง" " นายฮอร์บี้ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Andrew Marr Show ของสถานีโทรทัศน์บีบีซี

-- สหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์แสดงความผิดหวังต่อการที่เกาหลีเหนือจัดการเดินสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางยุทโธปกรณ์ เพื่อฉลองครบรอบ 75 ปีของการก่อตั้งพรรคแรงงาน

แถลงการณ์ระบุว่า "น่าผิดหวังที่เกาหลีเหนือยังคงแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธต้องห้าม"

นอกจากนี้ ข้อความในแถลงการณ์ยังเรียกร้องให้เกาหลีเหนือเข้าร่วมการเจรจาที่ยั่งยืนและมีสาระสำคัญเพื่อนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ ตามที่ผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือได้ตกลงกันระหว่างการเจรจานิวเคลียร์เมื่อปี 2561

-- นายอิซฮาม อิสมาอิล ซีอีโอของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของมาเลเซียเปิดเผยว่า มาเลเซีย แอร์ไลน์จะต้องปิดกิจการ หากบรรดาเจ้าหนี้ตัดสินใจไม่สนับสนุนแผนการปรับโครงสร้างล่าสุดของทางสายการบิน

รอยเตอร์รายงานในวันศุกร์ (9 ต.ค.) ว่า กลุ่มบริษัทเจ้าหนี้ได้ปฏิเสธแผนการปรับโครงสร้างของมาเลเซีย แอร์ไลน์ ซึ่งจะทำให้สายการบินของรัฐแห่งนี้ จะต้องปิดกิจการในอนาคต

นายอิซฮามกล่าวว่า "มาเลเซีย แอร์ไลน์ จะไม่มีทางเลือก นอกจากต้องปิดกิจการ หากเจ้าหนี้ตัดสินใจคัดค้านแผนปรับโครงสร้าง"

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันนี้ สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นรายงานว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานซึ่งไม่รวมเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมต่อเรือและสาธารณูปโภค ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก.ค. แตะที่ระดับ 7.525 แสนล้านเยน (7.1 พันล้านดอลลาร์)

ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรถือเป็นดัชนีวัดการใช้จ่ายด้านทุน โดยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรขยับขึ้นเล็กน้อยในเดือนส.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้น 6.3% ในเดือนก.ค

ส่วนในวันพรุ่งนี้ จีนมีกำหนดเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ย. เยอรมนีเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. อังกฤษเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนส.ค. ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.ย.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ