World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 30, 2020 08:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ที่ขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่าผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีจะออกมาดีเกินคาด

-- นักลงทุนจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในสหรัฐและยุโรปอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้สหรัฐยังคงมียอดผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดในโลก ส่วนในยุโรปนั้น รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่วันศุกร์นี้ ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีประกาศล็อกดาวน์บางส่วน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.เป็นต้นไป เพื่อสกัดการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19

-- หุ้นแอปเปิลปรับตัวลดลงกว่า 5% ในการซื้อขายหลังชั่วโมงทำการ หลังแอปเปิลรายงานยอดขาย iPhone ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ยอดขายในตลาดสำคัญอย่างจีนก็ร่วงลงถึง 29%

อย่างไรก็ดี ยอดขายของแอปเปิลในไตรมาสสี่ของปีการเงินปัจจุบันนั้นอยู่ที่ 6.47 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีอื่น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขาย Macs และบริการอื่นๆ

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 45,031,388 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,182,480 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (9,138,180) รองลงมาคืออินเดีย (8,070,589), บราซิล (5,469,755), รัสเซีย (1,581,693), ฝรั่งเศส (1,235,132), สเปน (1,194,681), อาร์เจนตินา (1,130,533) และโคลอมเบีย (1,041,935)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (233,353) ตามมาด้วยบราซิล (158,468), อินเดีย (120,899), เม็กซิโก (90,309) และสหราชอาณาจักร (45,955)

ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ทวีความรุนแรงและรวดเร็วขึ้น โดยทั่วโลกติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 10 ล้านรายภายในเวลา 3 เดือน และสู่ระดับ 20 ล้านรายภายใน 44 วัน, 30 ล้านรายภายใน 38 วัน และ 40 ล้านรายภายในเวลาเพียง 32 วัน

-- กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของเมียนมาแถลงว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 1,331 ราย ส่งผลให้ขณะนี้เมียนมามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 50,403 ราย

นอกจากนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 27 ราย สู่ระดับ 1,199 ราย

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมียนมาได้พุ่งขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่ที่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรกเพียง 2 รายในวันที่ 23 มี.ค.

-- กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 3,565 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 404,048 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

ขณะนี้ การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ลุกลามไปทั้ง 34 จังหวัดของอินโดนีเซีย

ส่วนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 89 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 13,701 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน

-- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและวงเงินในการซื้อพันธบัตรในการประชุมเมื่อคืนนี้

อย่างไรก็ดี ECB ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายในการประชุมเดือนธ.ค. ขณะที่จับตาเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

-- ชาวสหรัฐได้ออกมาลงคะแนนล่วงหน้าอย่างคึกคักในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยล่าสุดมีการใช้สิทธิแล้วมากกว่า 77.4 ล้านคน ซึ่งมากกว่าสถิติการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 58 ล้านคน และมีการคาดการณ์กันว่า ในปีนี้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ

-- นายฌอง คาสเตซ์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประกาศยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายสู่ขั้นสูงสุดเมื่อคืนนี้ หลังจากเกิดเหตุคนร้ายใช้มีดเป็นอาวุธแทงประชาชนเสียชีวิต 3 ราย โดยเหยื่อ 1 รายถูกคนร้ายตัดศีรษะ

นายคาสเตซ์กล่าวประณามการโจมตีดังกล่าวว่าเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดและป่าเถื่อน

ทั้งนี้ ฝรั่งเศสมีการเตือนภัยก่อการร้าย 3 ระดับ คือ "vigilance", "enhanced security - attack risk" และ "attack emergency" ซึ่งเป็นระดับเตือนภัยขั้นสูงสุด

การประกาศเตือนภัย "attack emergency" จะทำให้รัฐบาลสามารถระดมกำลังพลและทรัพยากรทั้งหมดเพื่อปกป้องประชาชนในยามที่เกิดวิกฤตการณ์

ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เดินทางไปยังเมืองนีซ โดยได้กล่าวประณามเหตุการณ์ดังกล่าว และให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการใหม่ในการต่อสู้กับการก่อการร้าย

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 33.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้

ตัวเลขการขยายตัวดังกล่าวดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 32%

สหรัฐมีการขยายตัวสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ระดับ 16.7% โดยทำไว้ในไตรมาสแรกของปี 2493

การขยายตัวเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐในไตรมาส 3/2563 ได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจ และเริ่มมีการจ้างงาน หลังจากที่ได้ปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยลดลงสู่ระดับ 751,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 778,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 791,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าระดับ 1 ล้านรายเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน หลังจากพุ่งเหนือระดับ 1 ล้านรายเป็นเวลานาน 5 เดือน นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเดือนมี.ค.

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 2.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้น

ดัชนีปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย. รวมทั้งราคาบ้านที่พุ่งขึ้น

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ฝรั่งเศสเตรียมรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2563 (ประมาณการเบื้องต้น) เวลา 13.30 น. ตามเวลาไทย ต่อด้วยเยอรมนี เวลา 14.00 น. และยูโรโซน เวลา 17.00 น.

ส่วนสหรัฐจะรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ย. เวลา 19.30 น. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. เวลา 21.00 น.

-- ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันพรุ่งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) จะรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-บริการเดือนต.ค. เวลา 08.00 น.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ