World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 2, 2020 09:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับรายงานที่ว่านายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะหารือกันเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินกว่า 9 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาดของจีน

-- นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิ่มความช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กในช่วงเวลาที่โรคโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด พร้อมกับแสดงความกังวลว่า การออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19 อาจจะเกิดขึ้นไม่ทันเวลาในการกอบกู้บริษัทเหล่านี้ให้รอดพ้นจากการล้มละลาย

"ธุรกิจขนาดเล็กเหล่านี้ไม่สามารถรอได้นานถึง 2 หรือ 3 เดือน" นายมนูชินชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณจำนวนมากถึง 3 แสนล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่เผชิญกับความยากลำบาก

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานในวันนี้ว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3/2563 โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นด้านการเงินและการคลังขนานใหญ่ ซึ่งช่วยให้การอุปโภคบริโภคในภาคครัวเรือนฟื้นตัวขึ้น

ทั้งนี้ ABS ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของออสเตรเลียขยายตัว 3.3% ในไตรมาส 3 หลังจากที่หดตัว 7% ในไตรมาส 2 โดย GDP ไตรมาส 3 แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 2.6%

-- ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 57.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 59.3 ในเดือนต.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 58.0 อย่างไรก็ดี ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว

ทางด้านเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 56.7 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2557 จากระดับ 53.4 ในเดือนต.ค. โดยดัชนี PMI สหรัฐปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนต.ค. หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนก.ย. ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค.

-- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้ตัดสินใจเลื่อนการประชุม 2 วันไปเป็นวันพฤหัสบดี (3 ธ.ค.) จากเดิมที่มีกำหนดเสร็จสิ้นในวันที่ 1 ธ.ค. เนื่องจากประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปกพลัสมีความเห็นที่ขัดแย้งกันอย่างมากเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมันในการประชุมเมื่อวันจันทร์

ก่อนหน้านี้โอเปกพลัสตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิต 7.7 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2563 ก่อนที่จะลดกำลังการผลิตเพียง 5.8 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนม.ค.2564 ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล/วันจากโอเปกพลัสไหลเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก

การที่โอเปกพลัสยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้นั้น มีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน โดยนักวิเคราะห์จากดอยช์แบงก์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะทรุดตัวลงถึง 10% หากที่ประชุมโอเปกพลัสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันออกไปอีก 3-4 เดือน

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) ทำสถิติพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อหลังจากราคาทองคำดิ่งลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับความไม่แน่นอนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

-- นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่าจะหารือกับนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเกี่ยวกับการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณ ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์)

นอกจากนี้ นายมนูชินระบุว่า เขาจะหารือเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ วงเงิน 9.08 แสนล้านดอลลาร์ ตามข้อเสนอของวุฒิสภา ซึ่งจะเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

-- องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ประกาศปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการที่รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกพากันออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตการณ์โควิด-19

ทั้งนี้ OECD คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัว 4.2% ในปีนี้ ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ในเดือนก.ย.ว่าจะหดตัวลง 4.5%

นอกจากนี้ OECD คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัวสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ภายในช่วงปลายปี 2564 โดยจะขยายตัวเฉลี่ย 4% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ขณะที่ขยายตัว 4.2% ในปี 2564 และ 3.7% ในปี 2565

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 64,188,950 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,486,609 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (14,108,490) รองลงมาคืออินเดีย (9,499,710), บราซิล (6,388,526), รัสเซีย (2,322,056) และฝรั่งเศส (2,230,571)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (276,976) ตามมาด้วยบราซิล (173,862), อินเดีย (138,159), เม็กซิโก (106,765) และสหราชอาณาจักร (59,051)

-- รัฐบาลมาเลเซียเตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทท็อป โกลฟ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดของโลก หลังพบว่าที่พักของพนักงานไม่ถูกสุขลักษณะจนเป็นสาเหตุทำให้พนักงานติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมาก โดยล่าสุดมีพนักงานของท็อป โกลฟ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วเป็นจำนวน 3,406 ราย

กรมแรงงาน ซึ่งขึ้นต่อกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ ได้เข้าทำการตรวจสอบที่พักของพนักงานซึ่งบริษัทท็อป โกลฟ จัดเตรียมให้ ซึ่งหลังจากการตรวจสอบที่พักพนักงานใน 5 รัฐของมาเลเซีย ทางกรมแรงงานก็ได้เสนอให้มีการฟ้องร้องบริษัท เนื่องจากพบว่าที่พักมีความแออัดเกินไป ไม่มีระบบระบายอากาศที่ดี และไม่มีพื้นที่สำหรับการพักผ่อนและการปรุงอาหาร

ทางด้านท็อป โกลฟระบุว่า ทางบริษัทจะทำการปรับปรุงที่พักพนักงานให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ อียูมีกำหนดการเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค. สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (เช้าวันที่ 3 ธ.ค.)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนพ.ย. ออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค. จีนเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย.จากไฉซิน ขณะที่มาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.ของฝรั่งเศส, เยอรมนี, อียู และสหรัฐ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.ของอังกฤษซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับซีไอพีเอส ด้านอียูจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค. และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ