World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 6, 2021 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย ซึ่งถือเป็นเกมการเมืองที่มีเดิมพันสูงสำหรับพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน เพราะจะตัดสินว่าพรรคใดสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา โดยการเลือกตั้งดังกล่าวมีกำหนดปิดหีบ และเริ่มนับคะแนนในช่วงเช้านี้เวลา 07.00 น.ตามเวลาไทย

ทั้งนี้ หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็จะทำให้ทางพรรคสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาว วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร และเอื้อต่อการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐภายใต้รัฐบาลของนายโจ ไบเดน อย่างไรก็ดี ชัยชนะของพรรคเดโมแครตก็อาจเปิดทางให้นายไบเดนผลักดันมาตรการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท

ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทเครสเซท แคปิตอล แมเนจเมนท์ ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้พรรคใดกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรส ไม่ว่าจะพรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกันก็ตาม เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ และเพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจในสภา

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นรัฐสมรภูมิที่จะชี้ชะตาว่าพรรคใดจะครองอำนาจในสภาคองเกรสสหรัฐ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2561 จากระดับ 57.5 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.6 โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน

-- ที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติคงกำลังการผลิตน้ำมันที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นเดือนก.พ. ขณะที่ซาอุดีอาระเบียรับอาสาที่จะปรับลดกำลังการผลิตลงอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงที่จะโน้มน้าวให้บรรดาผู้ผลิตส่วนใหญ่ของกลุ่มโอเปกพลัสคงการผลิตน้ำมันไว้ที่ระดับดังกล่าว ในช่วงเวลาที่มาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

ผลการประชุมโอเปกพลัสเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 2.31 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 49.93 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ เนื่องจากทำให้นักลงทุนคลายความกังวล หลังจากที่การประชุมประสบความล้มเหลวในวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมันในเดือนก.พ. ก่อนที่การประชุมจะจัดขึ้นอีกครั้งในวันอังคาร และที่ประชุมสามารถตกลงกันได้ด้วยเงื่อนไขดังกล่าว

-- ธนาคารโลกออกรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.0% ในปีนี้ ต่ำกว่าระดับ 4.2% ที่คาดการณ์ในเดือนมิ.ย.2563 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ธนาคารโลกยังระบุว่าในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุด เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพียง 1.6% ในปีนี้ หลังจากหดตัว 4.3% ในปีที่แล้ว หากการแพร่ระบาดยังคงลุกลามต่อไป และการฉีดวัคซีนประสบความล่าช้า

นอกจากนี้ ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.8% ในปีหน้า ขณะที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการจ้างงาน

-- นายเดวิด เฟเบอร์ จากสำนักข่าว CNBC รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า นายแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ไม่ได้หายตัวไปไหน เพียงแต่ในขณะนี้ นายหม่าต้องการเก็บตัวสักระยะหนึ่ง

ก่อนหน้านี้ สื่อต่างๆพากันตั้งคำถามว่านายหม่าได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด โดยเขาไม่ได้ปรากฎตัวต่อสาธารณชนนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว หลังจากที่เขาได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานกำกับกฎระเบียบทางการเงินของจีน ซึ่งหลังจากนั้น แอนท์ กรุ๊ป (Ant Group) ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคของจีน และเป็นบริษัทในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ก็ได้ถูกเจ้าหน้าที่จีนสั่งระงับการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางจีน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารของจีน ได้เรียกตัวนายหม่าเข้าพบเพื่อให้ปากคำ ก่อนที่แอนท์ กรุ๊ป จะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 5 พ.ย.

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 86,831,503 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,875,451 ราย

สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (21,578,606) รองลงมาคืออินเดีย (10,375,478), บราซิล (7,812,007), รัสเซีย (3,284,384), สหราชอาณาจักร (2,774,479), ฝรั่งเศส (2,680,239), ตุรกี (2,270,101) และอิตาลี (2,181,619)

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (365,620) ตามมาด้วยบราซิล (197,777), อินเดีย (150,151), เม็กซิโก (128,822) และอิตาลี (76,329)

-- กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษออกมาเปิดเผยเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวนมากถึง 60,916 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงกว่า 60,000 รายเป็นครั้งแรก และเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งขึ้นสู่ระดับ 2,774,479 ราย

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 830 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ระดับ 76,305 ราย

รายงานดังกล่าวมีขึ้น ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ ซึ่งทำให้มีการแพร่เชื้อรวดเร็วกว่าเดิมถึง 70%

-- กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามประกาศระงับเที่ยวบินจากอังกฤษและแอฟริกาใต้ ซึ่งมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่

"ความเสี่ยงที่ไวรัสจะแพร่ระบาดในเวียดนามมีสูงมาก โดยเฉพาะจากผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการติดเชื้อดังกล่าว" แถลงการณ์จากกระทรวงระบุ

นอกจากนี้ นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เพิ่มเติมรายชื่อประเทศที่จะถูกระงับเที่ยวบินเข้าเวียดนาม เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วย

-- มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมแถลงเมื่อวานนี้ว่า นักวิทยาศาสตร์ของทางมหาวิทยาลัยสามารถพัฒนาชุดตรวจโควิด-19 ที่สามารถรู้ผลภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที

ทั้งนี้ ชุดตรวจโควิด-19 ดังกล่าวใช้วิธีการทดสอบแบบ EXPAR (Exponential Amplification Reaction) ซึ่งสามารถลดเวลาการตรวจหาเชื้อไวรัสจาก 30 นาทีเหลือไม่ถึง 5 นาที ขณะที่ให้ผลตรวจที่แม่นยำ

นอกจากนี้ ชุดตรวจดังกล่าวสามารถใช้กับอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการตามมาตรฐานทั่วไป ซึ่งแตกต่างจากการตรวจแบบ PCR (Polymerase Chain Reaction) ซึ่งจำเป็นต้องใช้อุณหภูมิสูงเพื่อคัดแยก DNA ในกระบวนการตรวจสอบ

-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีกำหนดการเปิดเผยในวันนี้ ฝรั่งเศสเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, เยอรมนีเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, อียูเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, อังกฤษเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมาร์กิต/ซีไอพีเอส และสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ย., จีนเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนธ.ค., อียูเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ย. รวมถึงดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ