ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (8 ม.ค.) ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนขานรับความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มเติม หลังจากนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐเปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเขาจะมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์
-- ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐซึ่งได้แก่โกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์ และเจพีมอร์แกน เตรียมเพิกถอนหุ้นกู้อนุพันธ์ (Structured Product) ประมาณ 500 รายการในฮ่องกง โดยเป็นผลพวงจากการที่สหรัฐสั่งแบนการลงทุนในบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับกองทัพจีน
ฮ่องกงเป็นตลาดหุ้นกู้อนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีหุ้นกู้อนุพันธ์กว่า 12,000 รายการ
รายงานข่าวระบุว่า หุ้นกู้อนุพันธ์ที่ธนาคาร 3 แห่งดังกล่าวจะเพิกถอนนั้น รวมถึงวอแรนต์ และ Callable Bull/bear Contract (CBBC) ที่อิงกับดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนี Hang Seng China Enterprises Index และบริษัทไชน่า โมบายล์
-- ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ณ เวลา 04.22 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นแตะระดับ 90,045,410 ราย และยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 1,931,571 ราย
สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก โดยยอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 22,293,281 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 373,588 ราย ขณะที่อินเดียมียอดผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 โดยอยู่ที่ 10,450,284 ราย รองลงมาคือบราซิลซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 8,075,998 ราย
-- ทางการอินโดนีเซียพบพิกัดกล่องดำของสายการบินศรีวิจายา แอร์ ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกทะเลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบชิ้นส่วนของเครื่องบิน และชิ้นส่วนมนุษย์
เครื่องบินโบอิ้ง 737-500 พร้อมด้วยผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 62 คน ได้ออกเดินทางจากกรุงจาการ์ตาเมื่อเวลา 14.36 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันเสาร์ที่ผ่านมา มุ่งหน้าไปยังเมืองปอนเตียนัก จังหวัดกาลิมันตันตะวันตก แต่หลังจากบินขึ้นได้เพียง 4 นาทีก็ขาดการติดต่อกับหอบังคับการบิน และต่อมาพบว่าเครื่องบินลำดังกล่าวตกลงสู่ทะเลชะวา
ผู้อำนวยการคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ขณะที่สามารถระบุพิกัดกล่องดำเครื่องบินของสายการบินศรีวิจายา แอร์ เที่ยวบินที่ SJ 182 ได้แล้ว และคาดว่าจะสามารถกอบกู้กล่องดำทั้ง 2 กล่องขึ้นจากทะเลในไม่ช้านี้
-- ผลการสำรวจซึ่งจัดทำโดยเกียวโดนิวส์เผยให้เห็นว่า ชาวญี่ปุ่นกว่า 80% ที่ร่วมการสำรวจคิดว่าการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกในกรุงโตเกียวซึ่งเลื่อนมาจัดช่วงฤดูร้อนปีนี้ ควรถูกยกเลิกหรือเลื่อนเวลาออกไปอีกครั้ง
ผลสำรวจพบว่า ผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ 35.3% อยากให้ยกเลิกการจัดโตเกียวโอลิมปิก ในขณะที่ 44.8% อยากให้เลื่อนการจัดงานออกไปอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้การแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในปีที่แล้ว ต้องถูกเลื่อนมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
-- กระทรวงสาธารณสุขของกัมพูชาได้ออกมาเปิดเผยกรณีพบแรงงานชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับจากไทย มีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวกเพิ่มเติมอีก 4 ราย ในวันอาทิตย์ (10 ม.ค.) ทำให้ยอดแรงงานที่ติดเชื้อจากไทยรวมอยู่ที่ 26 ราย
แถลงการณ์ของกระทรวงฯ ระบุว่า แรงงานทั้งสี่รายล้วนเป็นผู้หญิง โดยมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และได้เดินทางกลับมายังกัมพูชาเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ผ่านด่านชายแดน โดยออร์ แวนดิน โฆษกหญิงประจำกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ผลตรวจตัวอย่างบ่งชี้ว่าทั้งหมดมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวก ขณะนี้พวกเขาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดบันเตียเมียนเจย
-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 7.9% ในปี 2564 หลังขยายตัว 1.9% ในปี 2563 เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนจะยังคงปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ และจีนยังคงสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในประเทศได้
คณะกรรมการบริหารของ IMF ระบุในแถลงการณ์ว่า "เศรษฐกิจจีนยังคงฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากโรคระบาด โดยได้แรงหนุนจากความพยายามอย่างจริงจังในการควบคุมโรค และการดำเนินนโยบายอย่างรวดเร็วในการลดผลกระทบของวิกฤตการณ์"
-- สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงานว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้เรียกร้องให้สหรัฐยุติการดำเนินนโยบายที่เป็นปรปักษ์กับเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ นายคิมกล่าวในการประชุมสภาคองเกรสพรรคแรงงานครั้งที่ 8 ว่า การยุติความเป็นปรปักษ์ของสหรัฐ จะเป็นปัจจัยสำคัญต่ออนาคตความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐ
นอกจากนี้ นายคิมยังได้เรียกร้องให้มีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ที่ก้าวล้ำมากขึ้น และระบุว่า "สหรัฐเป็นศัตรูรายใหญ่ที่สุดของเรา" ซึ่งนับเป็นการแสดงความท้าทายอย่างมากต่อนายโจ ไบเดน ซึ่งจะเข้าพิธีรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ในวันที่ 20 ม.ค.นี้
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.1% ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวลง 0.4% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.8%
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากเวสต์แพค ขณะที่ญี่ปุ่นเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพ.ย. ทางด้านสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนธ.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) และตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนพ.ย.