ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่ารัฐบาลสหรัฐจะผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จนเป็นผลสำเร็จ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นอัลฟาเบทและหุ้นแอมะซอน รวมทั้งรายงานที่ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
-- ราคาหุ้น GameStop ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐ ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปิดตลาดดิ่งลง 60.01% เมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) ส่งผลให้ราคาหุ้น GameStop ทรุดตัวลงไปแล้วกว่า 70% นับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนในตลาด หลังจากที่ราคาหุ้น GameStop พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา
การดิ่งลงของราคาหุ้น GameStop เกิดจากการที่กลุ่มนักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้หันเป้าหมายไปสู่โลหะเงินเพื่อดันราคาขึ้น หลังจากที่ได้ใช้กลยุทธ์ในลักษณะเดียวกันนี้กับหุ้น GameStop เพื่อสั่งสอนกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ที่มักเก็งกำไรด้วยการขายชอร์ตในตลาด
-- ราคาโลหะเงินปิดตลาดดิ่งลงกว่า 10% เมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) แตะที่ 26.402 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจาก Chicago Mercantile Exchange (CME) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาฟิวเจอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศขึ้นอัตรา maintenance margin เพื่อสกัดการปั่นราคาของกลุ่มนักลงทุนรายย่อยในตลาด
ราคาสัญญาโลหะเงินพุ่งขึ้นกว่า 11% ทะยานขึ้นเหนือระดับ 30 ดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีเมื่อวันจันทร์ (1 ก.พ.) หลังจากที่กลุ่มนักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้หันเข้าปั่นราคาโลหะเงินเพื่อกดดันให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์เข้าซื้อคืนสัญญาเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ขายชอร์ตก่อนหน้านี้ โดยเก็งว่าราคาโลหะเงินมีแนวโน้มในช่วงขาลงต่อไป
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ CME ประกาศปรับอัตรา maintenance margin สำหรับสัญญา Comex 5000 Silver Futures โดยเพิ่มขึ้น 17.9% ก็ได้ทำให้นักลงทุนรายย่อยดังกล่าวหันมาขายสัญญาโลหะเงิน
-- ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) และสำนักงานกำกับตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SER) หรือก.ล.ต.ของสิงคโปร์ แถลงว่า เจ้าหน้าที่กำลังจับตาต่อกรณีที่นักลงทุนในสิงคโปร์ให้ความสนใจปรากฎการณ์ GameStop ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐ
MAS และ SER ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อความในการสนทนาของนักลงทุนในสื่อออนไลน์บ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีพฤติกรรมการเลียนแบบการเก็งกำไรดังกล่าวเกิดขึ้นในตลาดหุ้นสิงคโปร์
"ประชาชนควรตระหนักว่าอาจมีบุคคลบางรายที่ฉวยโอกาสทำกำไรให้แก่ตนเองด้วยการ "สร้างราคาและถอยออก" ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมายควบคุมหลักทรัพย์และสัญญาล่วงหน้า (SFA)" แถลงการณ์ระบุ และเตือนว่าผู้ที่ต้องสงสัยว่าทำผิดกฎระเบียบดังกล่าวจะถูกระงับบัญชีซื้อขาย และหลักทรัพย์ดังกล่าวจะถูกพักการซื้อขาย
-- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัว 0.7% ในไตรมาส 4/2563 โดยได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลหลายประเทศในยุโรปใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19
ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 12.4% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 9.4% หลังจากหดตัว 11.8% ในไตรมาส 2
ยูโรสแตทยังเปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัว 6.8% ในปี 2563
ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนสู่ระดับ 4.2% ในปีนี้ จากเดิมที่ระดับ 5.2%
-- อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ ประกาศเมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) ว่า เขาจะหยุดส่งข้อความในทวิตเตอร์เป็นการชั่วคราว แต่ไม่ได้ระบุสาเหตุของการตัดสินใจดังกล่าว หรือเขาจะกลับมาทวีตอีกเมื่อใด
อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มัสก์ประกาศพักการเล่นทวิตเตอร์ โดยก่อนหน้านี้ เขาได้เคยประกาศพักการใช้ทวิตเตอร์ในวันที่ 2 มิ.ย. 2563 ก่อนที่จะกลับมาทวีตใหม่ในอีก 3 สัปดาห์
มัสก์ ซึ่งมีผู้ติดตามในทวิตเตอร์มากถึง 43.7 ล้านคน ถือเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในการสร้างความเคลื่อนไหวในตลาด โดยราคาหุ้น GameStop ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐ ได้ทะยานขึ้น 50% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากที่เขาทวีตข้อความว่า "Gamestonk!!"
ส่วนบิตคอยน์ก็ได้พุ่งขึ้นทะลุ 38,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 29 ม.ค. หลังจากที่เขาได้ติดแฮชแทค #bitcoin ในบัญชีทวิตเตอร์ของเขา
-- บริษัทแอมะซอนประกาศว่า นายเจฟฟ์ เบซอส จะลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของแอมะซอนในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยนายเบซอสจะดำรงตำแหน่งประธานบริหารของแอมะซอน ส่วนนายแอนดี้ แจสซี ซีอีโอในธุรกิจ Amazon Web Services จะเข้ามาดำรงตำแหน่งซีอีโอแทนนายเบซอส
ทั้งนี้ นายเบซอสได้ประกาศการตัดสินใจในวันเดียวกับที่แอมะซอนรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2563 และได้แจ้งให้พนักงานทุกคนทราบผ่านทางหนังสือเวียน โดยนายเบซอสกล่าวว่า ในบทบาทใหม่ของเขานั้น เขาจะให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์และการริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงกองทุน Day One Fund และ Bezos Earth Fund อีกทั้งจะทุ่มเทเวลาในการดูแลหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ และบริษัท Blue Origin ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวของเขา
ข่าวการประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของนายเบซอสได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุน อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น Amazon พุ่งขึ้นราว 1% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการในตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากผลประกอบการของแอมะซอนออกมาดีเกินคาด
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 104,378,657 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,262,084 ราย
ขณะนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (27,027,347) รองลงมาคืออินเดีย (10,778,206), บราซิล (9,286,256), รัสเซีย (3,884,730), สหราชอาณาจักร (3,852,623), ฝรั่งเศส (3,224,798), สเปน (2,881,793), อิตาลี (2,570,608), ตุรกี (2,492,977), เยอรมนี (2,239,943) และโคลอมเบีย (2,114,597)
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (457,856) ตามมาด้วยบราซิล (226,383), เม็กซิโก (159,100), อินเดีย (154,635) และสหราชอาณาจักร (108,013)
-- รัฐบาลซาอุดีอาระเบียประกาศระงับการเดินทางเข้าประเทศสำหรับผู้ที่เดินทางจาก 20 ประเทศทั่วโลก เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยคำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันนี้
อย่างไรก็ดี นักการทูต บุคลากรทางการแพทย์และครอบครัว รวมทั้งชาวซาอุดีอาระเบียจากต่างประเทศ ยังคงสามารถเดินทางเข้าประเทศ
ทั้งนี้ รายชื่อบางประเทศที่ถูกระงับการเดินทางเข้าสู่ซาอุดีอาระเบีย ได้แก่ สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี แอฟริกาใต้ อินเดีย ปากีสถาน อียิปต์ เลบานอน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
-- The Lancet ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ รายงานว่า วัคซีน Sputnik V ของรัสเซียมีประสิทธิภาพ 91.6% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19
สถาบันกามาเลยาของรัสเซียเป็นผู้พัฒนาวัคซีนดังกล่าว โดยได้ทำการทดลองในระยะที่ 3 ต่ออาสาสมัครจำนวน 19,866 ราย ซึ่งพบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 16 รายในกลุ่มที่ได้รับวัคซีน ส่วนในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนหลอก ปรากฎว่ามีผู้ติดเชื้อ 62 ราย
ขณะนี้ 15 ประเทศทั่วโลกได้ให้การอนุมัติการใช้วัคซีน Sputnik V แล้ว และจำนวนดังกล่าวจะเพิ่มเป็น 25 ประเทศภายในปลายสัปดาห์หน้า
-- บริษัทไฟเซอร์ อิงค์เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะทำการส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้แก่รัฐบาลสหรัฐจำนวน 200 ล้านโดสภายในเดือนพ.ค. เร็วกว่าที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะส่งมอบในเดือนก.ค.
นอกจากนี้ ไฟเซอร์ระบุว่า บริษัทสามารถส่งมอบวัคซีนจำนวน 2 พันล้านโดสให้แก่ประเทศต่างๆทั่วโลกภายในปีนี้
ทั้งนี้ ไฟเซอร์ได้ส่งมอบวัคซีนจำนวน 29 ล้านโดสให้แก่รัฐบาลสหรัฐ ณ วันที่ 31 ม.ค. ขณะที่ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ระบุว่า สหรัฐได้ทำการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์จำนวน 17 ล้านโดสให้แก่ชาวอเมริกัน
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยมาร์กิตมีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.ของฝรั่งเศส, เยอรมนี, อียู และสหรัฐ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.ของอังกฤษซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับซีไอพีเอส ขณะที่สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยดุลการค้าเดือนธ.ค., อียูมีกำหนดเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค.