World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 9, 2021 08:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เงินคริปโตปรับตัวขึ้นต่อในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียเช้านี้ โดยบิตคอยน์และอีเธอเรียมแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังบริษัทเทสลา อิงค์ประกาศเข้าลงทุนในบิตคอยน์

บิทคอยน์ปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซนต์มากที่สุดในรอบกว่า 3 ปีเมื่อวานนี้ หลังเทสลาประกาศรายงานประจำปี 2563 โดยบิตคอยน์พุ่งขึ้นมากถึง 2.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 47,565.86 ดอลลาร์ในช่วงเช้านี้ และพุ่งขึ้น 61% แล้วในปีนี้ ขณะที่เงินอีเธอเรียม พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1,784 ดอลลาร์

-- เทสลา อิงค์ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสหรัฐของนายอีลอน มัสก์ ส่งหนังสือแจ้งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) หรือก.ล.ต.สหรัฐว่า ทางบริษัทได้เข้าซื้อบิตคอยน์คิดเป็นมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์

เทสลาระบุว่า "ทางบริษัทได้ซื้อบิตคอยน์เพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการกระจายการลงทุน และเพื่อให้เงินสดของบริษัทสร้างผลตอบแทนสูงสุด"

นอกจากนี้ เทสลาเปิดเผยว่า บริษัทจะเริ่มต้นรับบิตคอยน์จากลูกค้าสำหรับการซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท

-- นายทาโร อาโสะ รมว.คลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า รมว.คลังกลุ่ม G7 จะหารือกันในวันศุกร์นี้เกี่ยวกับปัญหาหนี้ของตลาดเกิดใหม่, การเก็บภาษีธุรกิจดิจิทัล และสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง

อังกฤษจะเป็นประธานการประชุมรมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G7 ในวันที่ 12 ก.พ.นี้ เพื่อพยายามแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 และหาทางแก้ไขเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านภาษีระหว่างประเทศด้วย

-- นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า สหรัฐมีความกังวลต่อการที่จีนยังคงไม่ได้แสดงจุดยืนต่อการก่อรัฐประหารในเมียนมา

"เรามีความกังวลเกี่ยวกับการที่จีนยังคงไม่ได้แสดงท่าทีต่อการทำรัฐประหารในเมียนมา" นางซากีกล่าว

ชาวเมียนมาจำนวนหลายหมื่นคนได้ออกมาชุมนุมต่อต้านการทำรัฐประหารเป็นวันที่ 3 ในหลายเมืองทั่วประเทศ ขณะที่ตำรวจขู่ใช้กระสุนจริงจัดการกับกลุ่มผู้ประท้วง

ทั้งนี้ ในเมืองเนปิดอว์ ผู้ชุมนุมได้ตะโกนต่อต้านเผด็จการเมียนมา และเรียกร้องให้ตำรวจอยู่ฝ่ายประชาชน ไม่ใช่เผด็จการทหาร

-- นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไปเป็นเวลานานมาก เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายของเฟดในการมีการจ้างงานเต็มศักยภาพ และการมีเสถียรภาพด้านราคา

นอกจากนี้ นางเมสเตอร์ยังระบุว่า มาตรการด้านการคลังของรัฐบาลในการเร่งกระจายวัคซีนโควิด-19 และให้ความช่วยเหลือต่อแรงงานที่ต้องตกงานจะช่วยสร้างเสถียรภาพต่อเศรษฐกิจ

-- กระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียแถลงวานนี้ว่า รัฐบาลจะห้ามผู้ที่เดินทางจากทุกประเทศเข้าสู่อินโดนีเซียเป็นเวลาอีก 2 สัปดาห์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่

คำสั่งห้ามดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 22 ก.พ. หลังจากที่ก่อนหน้านี้อินโดนีเซียประกาศห้ามผู้ที่เดินทางจากอังกฤษเข้าประเทศ หลังพบว่าอังกฤษมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีการแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าเดิมถึง 70% รวมทั้งได้ออกมาตรการคุมเข้มสำหรับผู้ที่เดินทางจากยุโรปและออสเตรเลีย

-- พรรคเดโมแครตประสบความสำเร็จในการผลักดันให้สภาคองเกรสให้ความเห็นชอบต่อแนวทางการพิจารณาอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแบบ fast track โดยใช้แนวทางการจัดทำงบประมาณที่เรียกว่า budget reconciliation ซึ่งจะปูทางให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสามารถให้การรับรองงบประมาณดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แทนที่จะใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 สำหรับการผ่านกฎหมายทั่วไป

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐให้การอนุมัติต่อแนวทางการจัดทำงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ budget reconciliation ด้วยคะแนนเสียง 219-209 ขณะที่วุฒิสภาให้การรับรองด้วยคะแนนเสียง 51-50 โดยนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ลงคะแนนเสียงชี้ขาด 1 เสียงในฐานะประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง หลังจากที่สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันลงคะแนนเสียงเท่ากัน 50-50

-- กองทัพเมียนมาประกาศเคอร์ฟิวในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ และอีกหลายเมืองเมื่อวานนี้ เพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดจากการที่ชาวเมียนมาทั่วประเทศได้พากันชุมนุมต่อต้านการทำรัฐประหาร

ทั้งนี้ ภายใต้คำสั่งเคอร์ฟิว ชาวเมียนมาจะไม่สามารถออกจากเคหะสถานในช่วงเวลา 20.00-04.00 น. และประชาชนไม่สามารถรวมตัวกันมากกว่า 5 คน

นอกจากนี้ กองทัพเมียนมายังได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีเสถียรภาพในประเทศ ขณะที่ทางกองทัพจะยึดมั่นในหลักนิติรัฐ

-- การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ ออสเตรเลียเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนม.ค.จากเวสต์แพค, เยอรมนีเปิดเผยดุลการค้าเดือนธ.ค. และสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนธ.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยอัตราว่างงานเดือนม.ค., ออสเตรเลียเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.จากสมาคมอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยแห่งออสเตรเลีย (HIA), จีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., เยอรมนีเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค., สหรัฐเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ