World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 31, 2021 09:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนในช่วงเช้านี้ หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงในเดือนพ.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.อยู่ที่ระดับ 51 ลดลงจากระดับ 51.1 ในเดือนเม.ย.

อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ค.ของจีนอยู่ที่ระดับ 55.2 เพิ่มขึ้น 0.3% จากระดับ 54.9 ในเดือนเม.ย. โดยได้แรงหนุนจากการอุปโภคบริโภคที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

-- ผู้เชี่ยวชาญ 2 รายจากสหรัฐ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลจีนออกมาแสดงความร่วมมือในการสืบต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นต้นตอของโรคโควิด-19 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดอีกในอนาคต

นายสก็อต กอทลีบ กรรมาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งปัจจุบันเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริษัทไฟเซอร์ เปิดเผยว่า ทฤษฎีที่ว่าไวรัสดังกล่าวน่าจะหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่นของจีนนั้น เริ่มหนักแน่นมากขึ้น และจีนก็ไม่ได้ให้หลักฐานหักล้างทฤษฎีดังกล่าว

ทางด้านนายปีเตอร์ โฮเทส จากศูนย์พัฒนาวัคซีน โรงพยาบาลเด็กเท็กซัส เปิดเผยว่า การสืบหาต้นตอการแพร่ระบาดเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อไม่ให้โลกต้องเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดอีกในอนาคต โดยหากโลกไม่เข้าใจต้นตอของโรคโควิด-19 อย่างแท้จริงแล้ว ก็อาจจะเกิดโรคโควิด-26 หรือโควิด-32 อีก

-- กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานเบื้องต้นในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 2.5% จากเดือนมี.ค. โดยได้แรงหนุนจากการผลิตในโรงงานและเหมืองแร่ที่ดีดตัวขึ้นสูงกว่าระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระทรวงฯระบุว่า หลังจากที่มีการสำรวจความเห็นของบรรดาผู้ผลิตภายในประเทศพบว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ค.มีแนวโน้มลดลง 1.7% ก่อนที่จะดีดตัวขึ้น 5% ในเดือนมิ.ย.

-- นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล อาจเผชิญกับทางตันด้านการเมือง หลังจากที่นายนัฟทาลี เบนเนตต์ ผู้นำพรรคยามินา (Yamina) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวาที่มีขนาดเล็ก ประกาศว่า เขายอมรับข้อตกลงร่วมกับนายยาอีร์ ลาปิด ผู้นำพรรคเยช อทิด (Yesh Atid) ซึ่งเป็นพรรคที่มีแนวทางสายกลาง ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อโค่นนายเนทันยาฮูซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิสราเอลมาเป็นเวลานานถึง 12 ปี

นายเบนเนตต์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "ผมจะทำทุกวิถีทางในการจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ร่วมกับเพื่อนของผมคือยาอีร์ ลาปิด เพื่อกอบกูอิสราเอลให้พ้นจากปัญหายุ่งยาก และนำพาประเทศไปสู่ทิศทางที่ควรจะเป็น"

ทั้งนี้ นายยาอีร์ ลาปิด จะมีเวลาจนถึงวันพุธนี้ในจัดตั้งรัฐบาลผสม และคาดว่าในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น นายลาปิดจะแจ้งให้ประธานาธิบดีริวเวน ริฟลินทราบว่า เขาประสบความสำเร็จในการจัดตั้งรัฐบาล ทางด้านสถานีโทรทัศน์ Kan TV ของทางการอิสราเอลรายงานว่า นายเบนเนตต์และนายลาปิดได้ตกลงกันว่าจะผลัดเปลี่ยนกันเป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายเบนเนตต์จะดำรงตำแหน่งในวาระแรกก่อน

-- สำนักงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (MHRA) ของสหราชอาณาจักรได้อนุมัติให้มีการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบฉีดโดสเดียวของบริษัทแจนเซน ในเครือจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) แล้ว

วัคซีนของจอห์นสันฯ ที่แจนเซนผลิตนั้นเป็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งได้รับอนุมัติให้ใช้ในสหราชอาณาจักรเป็นลำดับที่ 4 ถัดจากวัคซีนของไฟเซอร์, แอสตร้าเซนเนก้า และโมเดอร์นา

"การอนุมัติครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมโครงการฉีดวัคซีนที่ประสบความสำเร็จของสหราชอาณาจักร ซึ่งช่วยคุ้มครองชีวิตประชาชนมากกว่า 13,000 คนแล้ว และเท่ากับว่าขณะนี้เรามีวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพถึง 4 ตัว" นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษกล่าวในแถลงการณ์

-- กลุ่มประเทศ G20 เตรียมหารือเพื่อบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการปฏิรูประบบจัดเก็บภาษีระหว่างประเทศในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งครอบคลุมถึงการกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ในการจัดเก็บภาษีสำหรับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อลดช่องว่างในการหลบเลี่ยงภาษี

แหล่งข่าวระบุว่า กลุ่มประเทศ G20 กำลังพิจารณาเพื่ออนุญาตให้ประเทศต่างๆ สามารถปรับขึ้นภาษีจากบริษัทดิจิทัลยักษ์ใหญ่ที่มียอดขายสูงและมีอัตราผลกำไรตั้งแต่ 15% ขึ้นไป แม้บริษัทจะไม่ได้เข้าไปลงทุนในประเทศนั้นๆ โดยตรง แต่มียอดขายเกิดขึ้นและทำกำไรในประเทศ โดยแนวทางดังกล่าวเรียกว่า การจัดเก็บภาษีดิจิทัล

นอกจากนี้ กลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งได้แก่ สหรัฐ, จีน, ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป (EU) คาดว่าจะเห็นพ้องกับอัตราการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลระหว่างประเทศขั้นต่ำที่ 15%

-- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐระบุว่า ประชากรชาวอเมริกันกว่า 40% ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้วเมื่อนับถึงวันศุกร์ (28 พ.ค.)

ข้อมูลจาก CDC ระบุว่า ชาวอเมริกันได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้วกว่า 133 ล้านคน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผู้มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปจำนวนกว่า 40 ล้านคน ขณะเดียวกันมีชาวอเมริกันได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดสแล้วกว่า 166 ล้านคน

ทั้งนี้ สหรัฐฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไปแล้วกว่า 292 ล้านโดสทั่วประเทศเมื่อนับถึงวันศุกร์ (28 พ.ค.) โดยเป็นวัคซีนของไฟเซอร์-บิออนเทคกว่า 157 ล้านโดส, ของโมเดอร์นา 123 ล้านโดส และของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 10.6 ล้านโดส

-- คณะกรรมการด้านโอกาสการจ้างงานที่เท่าเทียมกัน (Equal Employment Opportunity Commission - EEOC) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐเปิดเผยว่า บรรดาบริษัทของสหรัฐสามารถออกคำสั่งให้พนักงานในสถานที่ทำงานต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

EEOC เปิดเผยแถลงการณ์บนเว็บไซต์เพื่อชี้แจงคำแนะนำที่มีการปรับแก้ไขแล้วระบุว่า บรรดานายจ้างในสหรัฐสามารถสั่งให้พนักงานในสำนักงานต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขณะที่นายจ้างเองต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายคนพิการและกฎหมายอื่นๆ โดยจะต้องจัดหาสถานที่ทำงานที่เหมาะสมให้กับพนักงานที่ไม่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้

EEOC ระบุว่า พนักงานบางคนไม่สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ ซึ่งอาจจะเป็นผลจากความพิการ หรือความเชื่อทางศาสนาของพวกเขา

-- กระทรวงประสานงานด้านกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซียจะเปิดตัวโครงการ "Work From Bali" สำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่บริษัทของรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของบาหลีที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ระบาด

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กระทรวงประสานงานฯจะเริ่มต้นโครงการนำร่องในเมืองนูซา ดูอา (Nusa Dua) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการจัดการประชุมใหญ่ๆ รวมถึงการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ในปี 2556 โดยจะส่งเสริมให้มีการจัดประชุมและกิจกรรมต่างๆ มากขึ้นบนเกาะบาหลี

"เราหวังว่าการมาเยือนของข้าราชการและพนักงานบริษัทของรัฐ จะทำให้ฟันเฟืองของเศรษฐกิจบาหลีเริ่มเคลื่อนไหว" เฮอร์มิน เอสติ เซตโยวาติ รองผู้ช่วยกระทรวงประสานงานฯ ระบุในแถลงการณ์

-- กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกหรือ เอเปก (APEC) เปิดเผยรายงานคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมของประเทศสมาชิก 21 ชาติ จะขยายตัว 6.3% ในปี 2564 โดยได้แรงหนุนจากการทยอยเปิดเศรษฐกิจและการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศต่างๆ โดยเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่หดตัวลง 1.9% ในปี 2563

หน่วยสนับสนุนนโยบายของเอเปกระบุว่า GDP จะถูกผลักดันโดยอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่การใช้จ่ายเป็นไปอย่างซบเซาในปีที่ผ่านมา แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความแตกต่างในการเข้าถึงและปริมาณวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในภูมิภาค

รายงานระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มเอเปกจะดำเนินต่อไปในปี 2565 และ 2566 แต่ในอัตราที่ชะลอลงที่ 4.4% และ 3.4% ตามลำดับ

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยเกาหลีใต้เตรียมเปิดเผย การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. และยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. ขณะที่ญี่ปุ่นเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ