"เคธี วูด" เทขายหุ้นบริษัทเทคโนโลยีจีน หวั่นจีนกวาดล้างบริษัทเทคโนฯกระทบมูลค่าหุ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 14, 2021 13:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท Ark Investment Management ซึ่งบริหารงานโดยนางเคธี วูด ได้เทขายหุ้นบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งของจีน เนื่องจากเล็งเห็นผลกระทบของการที่รัฐบาลจีนเดินหน้ากวาดล้างบริษัทเทคโนโลยีภายในประเทศ โดยเฉพาะบริษัทที่นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ

Ark Innovation ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่บริหารโดยนางเคธี วูด ได้ปรับลดน้ำหนักการถือครองหุ้นบริษัทเทคโนโลยีของจีนลงสู่ระดับต่ำกว่า 1% จากระดับ 8% ตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ ขณะที่กองทุน Ark Next Generation Internet ETF ได้ลดการถือครองหุ้นบริษัทเทคโนโลยีจีนลงเหลือ 5.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2557 ส่วนกองทุน ETF ของ Ark ที่มุ่งเน้นลงทุนในเทคโนโลยีด้านการเงิน (ฟินเทค) ยังคงถือครองหุ้นบริษัทเทคโนโลยีในระดับเดิมที่ 18%

"ดิฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องของการปรับกลยุทธ์การลงทุน โดยเมื่อพิจารณาในแง่ของมูลค่าแล้ว ดิฉันคิดว่าหุ้นเหล่านี้มีมูลค่าลดลง และมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง" นางเคธี วูดกล่าว โดยระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีจีนที่ Ark ปรับลดการถือครองหุ้นนั้น รวมถึงบริษัทเทนเซนต์ โฮลดิ้งส์ และ JD.com

การที่กองทุน EFT ของ Ark Investment ได้ปรับลดการถือครองหุ้นบริษัทเทคโนโลยีของจีนนั้น สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่รัฐบาลจีนดำเนินการตรวจสอบบริษัทในภาคส่วนนี้ ซึ่งรวมถึงการที่จีนมีคำสั่งให้ถอดแอปพลิเคชันของบริษัทตีตีชูสิง (DiDi Chuxing) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถรับส่งสัญชาติจีน ออกจากแพลตฟอร์มแอปสโตร์ของจีน โดยอ้างว่า ตีตีชูสิงทำการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายของจีน โดยคำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเพียง 4 วันหลังจากตีตีชูสิงเริ่มเปิดทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ก

นอกจากนี้ ทางการจีนยังได้ดำเนินการสอบสวนบริษัทเทคโนโลยีของจีน 3 ราย ได้แก่ Boss Zhipin, Yunmanman และ Huochebang โดย Boss Zhipin เป็นแพลตฟอร์มสรรหาบุคลากรทางออนไลน์และได้นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่ Yunmanman และ Huochebang เป็นบริษัทในเครือ Full Truck Alliance ซึ่งทั้งสองบริษัทนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐเช่นกัน

ส่วนในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้สั่งปรับบริษัทอาลีบาบาเป็นเงิน 1.8 หมื่นล้านหยวน (2.75 พันล้านดอลลาร์) หรือราว 4% ของรายได้ของบริษัทในปี 2562 โดยระบุว่าอาลีบาบาละเมิดกฎระเบียบในการต่อต้านการผูกขาดตลาด และใช้สถานะของผู้ครองตลาดในทางมิชอบ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ