ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปซึ่งได้ส่งผลฉุดตลาดหุ้นฮ่องกงดิ่งลงมากกว่า 3% เมื่อวานนี้
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและออสเตรเลียปรับตัวลงเช้านี้ ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันหยุด
-- ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์เมื่อคืนนี้ตามเวลาท้องถิ่น (20 ก.ย.) โดยระบุว่า นับตั้งแต่เดือนพ.ย.นี้เป็นต้นไป สหรัฐจะอนุญาตให้ผู้โดยสารที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้วจาก 33 ประเทศซึ่งรวมถึงจีน อินเดีย บราซิล และประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป เดินทางเข้าสหรัฐได้ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐถือเป็นการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางที่เข้มงวดซึ่งสหรัฐได้บังคับใช้มาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว
ทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนมาใช้วิธีการผ่อนคลายข้อกำหนดการเดินทางแทนการสั่งห้ามผู้ที่เดินทางมาจากทั้ง 33 ประเทศดังกล่าว โดยล่าสุดสหรัฐกำหนดว่า ผู้ที่เดินทางมาจาก 33 ประเทศนี้จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสจึงจะสามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.นี้เป็นต้นไป
-- ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ยืนยันว่า สหรัฐกำลังจับตาวิกฤตการณ์การเงินของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปอย่างใกล้ชิด และพร้อมรับมือผลกระทบดังกล่าว หากมีความจำเป็น
"ดิฉันขอตั้งข้อสังเกตว่า นี่เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน ซึ่งกิจกรรมส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับจีน ขณะที่เราจับตาตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ผ่านทางกระทรวงการคลังสหรัฐ โดยมีการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และเราพร้อมรับมือ หากมีความจำเป็น" นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวกล่าว
-- ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนซึ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤตสภาพคล่อง มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัท 2 งวดในเดือนนี้
ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,780 ล้านบาท ในวันที่ 23 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่มีกำหนดครบอายุเดือนมี.ค.2565 และมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,580 ล้านบาท ในวันที่ 29 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่ครบอายุเดือนมี.ค. 2567
หากเอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยเมื่อถึงวันกำหนดชำระดังกล่าว ทางบริษัทจะมีเวลาอีก 30 วันในการชำระดอกเบี้ย มิฉะนั้นจะถือว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้
-- บิตคอยน์ทรุดหนัก 10% ตามตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวานนี้ โดยหลุดระดับ 44,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน
ณ เวลา 22.25 น.ตามเวลาไทยวานนี้ บิตคอยน์ดิ่งลง 7.36% สู่ระดับ 43,889.50 ดอลลาร์ ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase หลังจากทรุดตัวลง 10% ก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้ว่าบิตคอยน์มักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ความจริงก็คือ บิตคอยน์มักร่วงลงตามการปรับตัวลงของสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น และที่ผ่านมามักดีดตัวขึ้นสอดคล้องการปรับตัวของสินทรัพย์เสี่ยง
-- นายวิลเลียม ดัดลีย์ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยวานนี้ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ทรุดตัวลงท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน จะไม่ส่งผลให้เฟดเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
"เฟดจะไม่มีปฏิกริยาต่อความเคลื่อนไหวในตลาดเพียงเล็กน้อย โดยเลื่อนแผนการปรับลด QE" นายดัดลีย์กล่าว
นอกจากนี้ นายดัดลีย์ยังเปิดเผยว่า "ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงตามตลาดหุ้นแห่งอื่น ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าวิกฤตการณ์จากการผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะลุกลามออกไป และกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก"
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกระบุวานนี้ว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสะสมมีจำนวน 229,519,702 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,708,855 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (42,911,206) รองลงมาคืออินเดีย (33,501,851) บราซิล (21,239,783)
-- การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและเหตุการณ์สำคัญในวันนี้ได้แก่ ธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยรายงานการประชุม, ธนาคารกลางอินโดนีเซียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 2 และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค.