มาร์เก็ตแคปคริปโทฯวูบ 8 แสนล้านดอลล์ภายในเวลาเพียง 1 เดือน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 10, 2022 20:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกวูบหายไปถึง 8 แสนล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 1 เดือน ท่ามกลางความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) ซึ่งจะฉุดสภาพคล่องในตลาด

ทั้งนี้ ข้อมูลของ Coinmarketcap.com ซึ่งรวบรวมราคาสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 1,000 สกุลจากตลาดซื้อขายทั่วโลก พบว่า มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดดิ่งลงสู่ระดับ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ จากระดับ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 2 เม.ย.

ก่อนหน้านี้ มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลพุ่งแตะระดับ 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2564 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

บิตคอยน์ร่วงหลุดระดับ 30,000 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นเหนือระดับ 31,000 ดอลลาร์

ขณะนี้ บิตคอยน์ได้ทรุดตัวลงมากกว่า 50% นับตั้งแต่ที่พุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 69,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2564

บิตคอยน์ร่วงลงตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนมิ.ย. แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่าเฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงขนาดนั้นก็ตาม

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว

นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมมากกว่า 2.00% ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นแตะระดับ 2.85% ในช่วงสิ้นปีนี้

เฟดมีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 0.75-1.00% ในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

นอกจากนี้ เฟดยังเปิดเผยแผนการทำ QT โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน

นักลงทุนยังกังวลว่าการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดขนาดงบดุลอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย หลังจากที่หดตัว 1.4% ในไตรมาส 1/65


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ