"คิม คาร์เดเชียน" จ่อชนะคดีข้อหาชวนเก็งกำไรคริปโทฯ Ethereum Max

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 8, 2022 14:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คิม คาร์เดเชียน นักธุรกิจและนักจัดรายการเรียลลิตี้ชื่อดังของสหรัฐ และฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ตำนานมวยสากลชาวสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะชนะคดีการฟ้องร้องในข้อหาชักชวนนักลงทุนให้ซื้อเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีอีเธอเรียม แมกซ์ (Ethereum Max) หรือ EMAX

ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา อัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมืองลอสแอนเจลิส โดยกล่าวหาว่า คาร์เดเชียนและเมย์เวทเธอร์ได้ขายสกุลเงินคริปโท Ethereum Max หรือ EMAX ออกมาอย่างรวดเร็วหลังปั่นราคาและเพื่อให้ตนเองมีกำไร ซึ่งถือเป็นการเอาเปรียบบรรดานักลงทุนและผู้ที่ติดตามพวกเขา

คำร้องยังระบุด้วยว่า คาร์เดเชียนได้โพสต์ข้อความบนอินสตาแกรมซึ่งมีผู้ติดตามเธอจำนวนมากถึง 250 ล้านคน โดยเธอเขียนข้อความอวดอ้างสรรพคุณของ EMAX ซึ่งกลุ่มนักลงทุนที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องมองว่า นี่ไม่ใช่การให้คำแนะนำทางการเงิน และเป็นการชี้ชวนในลักษณะบอกต่อซึ่งถือเป็นการชี้นำหรือหลอกลวง

อย่างไรก็ดี ผู้พิพากษาไมเคิล ฟิทซ์เจราลด์ ได้ระบุในคำพิพากษาเบื้องต้นในวันจันทร์ (7 พ.ย.) ว่า ทนายความของนักลงทุนกลุ่มนี้พยายามทำตัวประหนึ่งว่าเป็นคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) แต่ไม่เลือกที่จะมองว่าเหรียญคริปโทฯ เหล่านี้เป็นหลักทรัพย์ และไม่ได้ระบุถึงการฉ้อโกงหลักทรัพย์มาตรฐานในคดีดังกล่าว

ผู้พิพากษาฟิทซ์เจราลด์ยังกล่าวด้วยว่า คาร์เดเชียนและเมย์เวทเธอร์เองก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะระบุว่าเหรียญ EMAX เป็นหลักทรัพย์ด้วยเหตุผลที่ชัดเจน ซึ่งผู้พิพากษาจะเปิดเผยคำตัดสินสุดท้ายในภายหลัง

ทั้งนี้ ทนายความของคาร์เดเชียนปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใด ๆ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาสุดท้าย ขณะที่อัยการของฝั่งนักลงทุนปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเช่นกัน

เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา คาร์เดเชียนได้จ่ายค่าปรับ 1.26 ล้านดอลลาร์ให้กับ SEC จากข้อกล่าวหาที่ว่า เธอละเมิดกฎระเบียบของสหรัฐ ด้วยการสนับสนุนเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีผ่านช่องทางสาธารณะ โดยไม่ยอมเปิดเผยว่าเธอได้รับค่าโฆษณา

ทั้งนี้ SEC ระบุว่า คาร์เดเชียนได้รับเงิน 250,000 ดอลลาร์เป็นค่าจ้างสำหรับการโพสต์ข้อความโฆษณาเหรียญ EMAX ผ่านทางบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัว โดยคาร์เดเชียนไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาในระหว่างยุติข้อพิพาทดังกล่าว แต่เธอได้ตกลงที่จะไม่ออกมาสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลใด ๆ เป็นเวลา 3 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ