ราคาหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจีนร่วงลงในช่วงเช้านี้ หลังจากแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนที่ประสบปัญหาด้านการเงิน ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีหุ้นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ร่วงลง 1.1% ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นไปอย่างซบเซา
บริษัทเอเวอร์แกรนด์ได้ประกาศข้อเสนอการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศมูลค่า 2.27 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวันพุธ (22 มี.ค.) แต่ก็ไม่สามารถทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนได้
ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นฮ่องกงยังคงระงับการซื้อขายหุ้นเอเวอร์แกรนด์ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยรายงานงบการเงิน แต่หุ้นบริษัทคู่แข่งของเอเวอร์แกรนด์ต่างก็ร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้นคันทรี การ์เด้น โฮลดิ้ง ปรับตัวลง 0.9% และหุ้นซิโน โอเชียน กรุ๊ป ร่วงลง 5.9%
ภายใต้แผนการปรับโครงสร้างหนี้นั้น กลุ่มผู้ถือตราสารหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะได้รับออปชันจำนวน 2 ฉบับ ส่วนกลุ่มเจ้าหนี้จะสามารถแปลงตราสารที่ถือครองอยู่ในปัจจุบันไปเป็นตราสารฉบับใหม่ที่มีอายุการไถ่ถอน 10-12 ปี
นอกจากนี้ เอเวอร์แกรนด์ระบุว่า บริษัทจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มอีก 2.50 - 3.00 แสนล้านหยวน เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
สถานะทางการเงินของเอเวอร์แกรนด์สั่นคลอนหลังจากรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมภาวะร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งสกัดการก่อหนี้ของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งถือเป็นเสาหลักสำคัญในการขยายตัวของจีน และมีสัดส่วนผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงเกือบ 30% ซึ่งการล้มละลายของเอเวอร์แกรนด์จะส่งผลกระทบลุกลามไปยังบริษัทอื่น ๆ ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และสร้างความเสี่ยงต่อระบบธนาคารของจีน