ธนาคารโลกหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจเอเชียปีนี้และปีหน้า เซ่นพิษจีนชะลอตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 2, 2023 10:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารโลกเผยแพร่รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนต.ค.ในวันนี้ (2 ต.ค.) โดยได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เนื่องจากเศรษฐกิจจีนและอุปสงค์ทั่วโลกชะลอตัว ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและการค้าที่ซบเซา

ทั้งนี้ ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะขยายตัว 5% ในปี 2566 ลดลงจากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนเม.ย.ว่าจะขยายตัว 5.1% ส่วนในปี 2567 เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะขยายตัว 4.5% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนเม.ย.ว่าจะขยายตัว 4.8%

แม้ธนาคารโลกจะคงคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปี 2566 ที่ระดับ 5.1% แต่ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนสำหรับปี 2567 ลงเหลือ 4.4% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนเม.ย.ที่ 4.8% เนื่องจากปัจจัยเชิงโครงสร้างระยะยาว หนี้สินที่เพิ่มพูนขึ้นในจีน และความอ่อนแอในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน

"แม้ปัจจัยภายในประเทศมีแนวโน้มที่จะมีอิทธิพลสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในจีน แต่ปัจจัยในต่างประเทศจะมีอิทธิพลสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของเกือบทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก" ธนาคารโลกระบุ

แม้ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกฟื้นตัวจากภาวะตื่นตระหนกต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่แล้วนับตั้งแต่ปี 2563 เช่น การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ธนาคารโลกเน้นย้ำว่า ระดับของการเติบโตนั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นไปอย่างเชื่องช้า

นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังได้เตือนถึงหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงระดับหนี้สินของบริษัทที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในจีน ไทย และเวียดนาม โดยเตือนว่า หนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูงนั้นจะจำกัดการลงทุนทั้งภาคสาธารณะและภาคเอกชน โดยหนี้สินที่สูงขึ้นอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมให้กับกลุ่มธุรกิจภาคเอกชน

สำหรับประเทศไทยนั้น ธนาคารโลกรายงานว่า เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวตามหลังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน และการส่งออกที่ลดน้อยลงได้เพิ่มความท้าทายให้กับเศรษฐกิจไทย โดยได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยสำหรับปีนี้สู่การขยายตัว 3.4% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย.ว่าจะขยายตัวที่ 3.9% และหลังจากขยายตัวที่ 2.6% ในปี 2565 โดยหลัก ๆ แล้วเศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน แต่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มที่จะหดตัว 2.1% ในแง่ของดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจสำคัญ

ขณะที่ การถ่ายโอนอำนาจไปยังรัฐบาลชุดใหม่ที่ยืดเยื้อจะชะลอการลงทุนภาคสาธารณะและการลงทุนภาคเอกชนของไทย ดังนั้น ธนาคารโลกจึงหั่นคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยสำหรับปี 2567 เหลือโต 3.5% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้เดือนเม.ย.ที่ 3.6%

รายงานระบุว่า การท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มจะชดเชยปัญหาอุปสงค์ต่างประเทศที่อ่อนแอ โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มแตะระดับก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาดภายในสิ้นปี 2567

ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อไทยจะปรับตัวลดลงสู่ 1.5% ในปี 2566 ซึ่งต่ำกว่าเกือบทุกประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยได้แรงหนุนจากราคาพลังงานโลกที่ลดลงและการตรึงราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะเพิ่มขึ้น จากผลของราคาอาหารโลกพุ่งสูงขึ้น รวมทั้งการอุดหนุนด้านราคาพลังงาน ขณะที่คาดว่าหนี้สาธารณะในปี 2566 จะยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 60% และไทยจะกลับมาเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ที่ 0.5% ต่อ GDP จากที่เคยขาดดุลติดต่อกันมา 2 ปี ในปี 2564 และ 2565


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ