ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยจีบัน แบงก์ (Jibun Bank) ระบุว่า กิจกรรมภาคบริการของญี่ปุ่นชะลอตัวลงในเดือนต.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคบริการซึ่งเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้น ยังคงชะลอตัวและอาจเป็นปัจจัยฉุดเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้อ่อนแอลง
ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.ของญี่ปุ่น ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 51.6 ในเดือนต.ค. จากระดับ 53.8 ในเดือนก.ย. เนื่องจากจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ
นายแอนดรูว์ ฮาร์เกอร์ ผู้อำนวยการด้านเศรษฐศาสตร์จากเอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนซ์ ระบุว่า "แม้ดัชนี PMI ภาคบริการเคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัว แต่การที่ดัชนีเดือนต.ค.ปรับตัวลงอย่างมากจากระดับของเดือนก.ย.นั้น สะท้อนให้เห็นว่าภาคบริการอยู่ในทิศทางที่อ่อนแรงลง"
รายงานระบุว่า แม้ว่าการอุปโภคบริโภคในภาคบริการเริ่มฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ยอดสั่งซื้อใหม่ในภาคบริการอยู่ในระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และการส่งออกในภาคบริการหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน
ผลสำรวจพบว่า การจ้างงานในภาคบริการฟื้นตัว แต่จำนวนผู้เกษียณอายุการทำงานมีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่วนดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน
ทั้งนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในจีนนั้น กำลังส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่มูลค่ากว่า 17 ล้านล้านเยน (1.13 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากปัญหาเงินเฟ้อ