แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี (McKinsey & Company) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษารายใหญ่ระดับโลกคาดการณ์ว่า ผู้บริโภคของจีนอาจจะไม่จับจ่ายใช้สอยมากนักในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งหมายความว่าบริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์มากขึ้นในการสร้างแรงจูงใจในตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่นี้
นายดาเนียล ซิปเซอร์ หัวหน้าฝ่ายผู้บริโภคประจำภูมิภาคเอเชียของแมคคินซี่กล่าวว่า "ผมคาดหวังว่าเราจะได้เห็นการฟื้นตัวด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภคจีนในปีหน้า แต่จนถึงขณะนี้เรายังไม่พบสัญญาณบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะฟื้นตัวในลักษณะวีเชฟ (V-shaped recovery)" โดยนายซิปเซอร์เป็นผู้เขียนรายงานฉบับใหม่ที่ชื่อว่า "การบริโภคของจีน: เริ่มต้นยุคใหม่" (China Consumption: Start of a New Era)
รายงานดังกล่าวระบุว่า ในภาพรวมนั้น ยอดค้าปลีกของจีนยังคงซบเซานับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 และแม้ว่าจีนได้ยุติการใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 ในช่วงปลายปี 2565 แต่การชะลอตัวของอุปสงค์สินค้าจีนในตลาดโลก และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้สร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจจีนโดยรวม
ส่วนแนวโน้มในวันข้างหน้านั้น นายซิปเซอร์คาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง ในขณะที่ความขัดแย้งระหว่างจีนและประเทศคู่ค้ารายใหญ่เช่นสหรัฐ ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจีนในระดับเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 12 เดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวจีนใช้ชีวิตภายใต้มาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวด
"การฟื้นตัวโดยรวมของเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้น ยังไม่เป็นไปตามที่ประชาชนคาดหวังไว้ และประชาชนต่างก็รับรู้ถึงความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการส่งออกที่ชะลอตัวลงอย่างมาก" นายซิปเซอร์กล่าว