สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บริษัทไนกี้ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (21 ธ.ค.) ว่า บริษัทเตรียมปรับลดต้นทุน 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีข้างหน้าผ่านขั้นตอนต่าง ๆ รวมถึงการลดอุปทานของแฟรนไชส์ผลิตภัณฑ์หลัก เนื่องจากอุปสงค์ที่ซบเซาในอเมริกาเหนือและจีนส่งผลให้ยอดขายรายไตรมาสหดตัว
ราคาหุ้นของไนกี้ร่วงลงประมาณ 10% ในการซื้อขายหลังปิดตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยหุ้นไนกี้เพิ่มขึ้น 4.7% แล้วในปีนี้จนถึงระดับปิดตลาดในวันพฤหัสบดี ส่วนราคาหุ้นฟุต ล็อกเกอร์ อิงค์ (Foot Locker Inc) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกอุปกรณ์กีฬายักษ์ใหญ่ซึ่งพึ่งพาผลิตภัณฑ์ของไนกี้เป็นอย่างมากนั้น ร่วงลงประมาณ 7%
ส่วนรายได้จากการขายส่งของไนกี้ปรับตัวลง 2% แตะ 7.1 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2/2566 ส่วนยอดขายในจีน, ฮ่องกง, มาเก๊าและไต้หวัน (Greater China) เพิ่มขึ้น 4% ในไตรมาส 2/2566 โดยชะลอตัวลงเล็กน้อยจากที่เพิ่มขึ้น 5% ในไตรมาส 1/2566 ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์ในตลาดยังไม่คงที่
ไนกี้คาดการณ์ในขณะนี้ว่า รายได้ทั้งปีจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่คาดว่าอาจขยายตัวในอัตราเลขหลักเดียวที่ระดับกลาง
นายแมทธิว เฟรนด์ หัวหน้าฝ่ายการเงินของไนกี้กล่าวกับบรรดานักวิเคราะห์ว่า "ตามที่ผมแนะนำในไตรมาสที่แล้ว ผมเน้นย้ำถึงความเสี่ยงหลายประการในสภาพแวดล้อมการดำเนินงานของเรา รวมถึงผลกระทบของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น, อุปสงค์ของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลวันหยุด และยอดขายส่งในช่วงครึ่งปีหลัง โดยในอนาคตนั้น ผลกระทบจากความเสี่ยงเหล่านี้จะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น"