รัฐบาลกาตาร์ประกาศระงับการส่งเรือบรรทุกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ผ่านทางช่องแคบบับเอลมันเดบซึ่งเชื่อมระหว่างทะเลแดงกับอ่าวเอเดน เนื่องจากกังวลว่าการที่สหรัฐและชาติพันธมิตรใช้ปฏิบัติการทางอากาศเพื่อพุ่งเป้าโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนนั้น จะส่งผลให้การขนส่งทางน้ำมีความเสี่ยง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เรือบรรทุก LNG อย่างน้อย 5 ลำของกาตาร์ได้ยุติการใช้เส้นทางผ่านทะเลแดงตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ม.ค.) หลังจากสหรัฐและอังกฤษได้ใช้ปฏิบัติการทางอากาศโดยพุ่งเป้าโจมตีฐานที่มั่น 16 แห่งของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ซึ่งสร้างความเสียหายต่อฐานที่ตั้งเรดาร์, คลังสรรพาวุธ และแท่นยิงจรวด โดยปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกลุ่มฮูตีได้ทำการโจมตีเรือสินค้าอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ โดยใช้ทั้งโดรนและขีปนาวุธยิงใส่เรือสินค้า จนส่งผลกระทบต่อการเดินเรือทั่วโลก
กองกำลังทหารร่วม (Combined Military Forces) ซึ่งเป็นปฏิบัติการร่วมระหว่างกองทัพสหรัฐและอังกฤษได้แนะนำให้เรือบรรทุกสินค้าหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางทะเลแดงตอนใต้ หลังจากกองกำลังของทั้งสองประเทศได้เปิดฉากโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏฮูตี และมีรายงานว่าเรือบรรทุกน้ำมันของ 3 บริษัทรายใหญ่ได้ตัดสินใจระงับการเดินทางผ่านทะเลแดงแล้ว ซึ่งรวมถึงบริษัทฮาฟเนีย (Hafnia) ทอร์ม (Torm) และสเตนา บัลก์ (Stena Bulk)
ทั้งนี้ แม้ว่ากลุ่มกบฏฮูตียังไม่เคยโจมตีเรือบรรทุกก๊าซนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว แต่กาตาร์ยังคงปฏิเสธที่จะส่งเรือบรรทุกก๊าซ LNG ผ่านเส้นทางทะเลแดง หลังจากสหรัฐและอังกฤษใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีกลุ่มกบฏฮูตี
กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านได้ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการโจมตีเรือที่แล่นผ่านทะเลแดงนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566 โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้อิสราเอลที่ใช้ปฏิบัติการทางทหารอย่างไร้มนุษยธรรมกับชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา และเตือนว่าจะโจมตีเรือทุกลำที่มุ่งหน้าไปยังอิสราเอลโดยไม่สนใจสัญชาติ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา