นางเจน เฟรเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารซิตี้กรุ๊ปแสดงความเห็นว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เนื่องจากเงินเฟ้อจากราคาสินค้าและการบริการทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมากขึ้น
นางเฟรเซอร์กล่าวว่า เธอมองว่าขณะนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวอเมริกันอยู่ในลักษณะ K-shaped ซึ่งหมายความว่า ผู้บริโภคกลุ่มที่ร่ำรวยยังทำการใช้จ่าย ขณะที่ผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำมีความระมัดระวังมากขึ้นในการใช้จ่าย
"การเติบโตของการใช้จ่ายส่วนใหญ่ในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมานั้น มาจากกลุ่มผู้บริโภคที่ร่ำรวย และเราเห็นข้อมูลบ่งชี้ว่าผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำมีความระมัดระวังมากขึ้นในการใช้จ่าย โดยผู้บริโภคเหล่านี้รับรู้ถึงแรงกดดันของค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นสำหรับพวกเขา ดังนั้นในขณะที่มีการจ้างงานในกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำ คนกลุ่มนี้ก็ยังคงรับรู้ถึงระดับของหนี้สินที่เพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อน" นางเฟรเซอร์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้ (6 พ.ค.)
นางเฟรเซอร์ยังได้กล่าวถึงนักลงทุนในตลาดหุ้นที่ตั้งคำถามอย่างเดียวกันในปีนี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใดหลังจากที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 11 ครั้ง ส่วนตัวเลขการจ้างงานมีความแข็งแกร่งและเงินเฟ้อจากสินค้าในบางรายการที่ยังคงอยู่ในระดับสูงนั้น ได้ทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐมีความซับซ้อน และนำไปสู่การตั้งคำถามว่าเฟดจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินเมื่อใด ซึ่งหมายความว่าชาวอเมริกันจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและเป็นเวลานานขึ้นสำหรับหนี้บัตรเครดิต เงินกู้ซื้อรถยนต์ และเงินกู้จำนอง
"ดิฉันคิดเหมือนกับทุก ๆ คนที่นี่ เราต่างก็คาดหวังที่จะเห็นภาวะเศรษฐกิจที่จะเอื้ออำนวยต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ไม่ใช่ถูกเลื่อนออกไป" นางเฟรเซอร์กล่าว พร้อมกับเสริมว่า "เป็นเรื่องยากที่เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงแบบซอฟต์แลนดิ้งซึ่งเป็นภาวะที่จะเกิดขึ้นในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นจนทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงโดยไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย เราอาจจะคาดหวังสิ่งนี้ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะเป็นเช่นนั้น"