รัฐบาลมาเลเซียขยับเข้าใกล้การใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เปลี่ยนผ่านพลังงานระยะยาว หลังเสร็จสิ้นการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ชาง ลี่ คัง รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาเลเซีย เปิดเผยว่า ผลการศึกษาเบื้องต้นชี้ว่าพลังงานนิวเคลียร์มีศักยภาพอย่างมากที่จะเป็นแหล่งพลังงานที่มั่นคง สะอาด และเชื่อถือได้ โดยรัฐบาลได้เสนอจัดตั้งคณะทำงานด้านเทคนิค 6 ชุดเพื่อเตรียมความพร้อม โดย 3 ชุดอยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ครอบคลุมด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม การพัฒนาบุคลากร และกรอบกฎหมายและกฎระเบียบ ส่วนอีก 3 ชุดอยู่ในความดูแลของกระทรวงการเปลี่ยนผ่านพลังงานและการจัดการน้ำ
ชางกล่าวว่า ปัจจุบัน มาเลเซียมีนักวิจัยด้านนิวเคลียร์ 323 คน ภายใต้สำนักพลังงานนิวเคลียร์มาเลเซีย และเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์อีก 36 คน ในกรมพลังงานปรมาณู โดยในจำนวนนี้ 61 คนมีคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมนิวเคลียร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการสร้างผู้เชี่ยวชาญภายในเพื่อรองรับการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย
ชางย้ำว่า รัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ไขพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูเพื่อให้สอดรับกับสนธิสัญญาและอนุสัญญาสำคัญภายใต้องค์การพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) และตั้งเป้านำร่างกฎหมายนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในสมัยประชุมนี้ เพื่อแสดงถึงความจริงจังของประเทศในการพิจารณาการใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นหนึ่งในทางเลือกผลิตไฟฟ้า
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 10 ก.ค. มาเลเซียได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์พลเรือนกับสหรัฐฯ นอกเหนือจากการทำงานร่วมกับจีนและรัสเซีย โดยข้อตกลงนี้จะเป็นตัวเร่งสำหรับความร่วมมือระยะยาว ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การวิจัยร่วม การฝึกอบรมบุคลากร และการเสริมสร้างอุตสาหกรรมภายในประเทศ
ชางยังกล่าวด้วยว่า มาเลเซียทำงานอย่างใกล้ชิดกับ IAEA ผ่านโครงการความร่วมมือทางเทคนิค ความร่วมมือระดับภูมิภาค เวทีความร่วมมือด้านนิวเคลียร์แห่งเอเชีย (Asian Nuclear Cooperation Forum) และโครงการวิจัยที่ประสานงานร่วมกัน นอกจากนี้ เทคโนโลยีนิวเคลียร์ยังถูกนำมาใช้ในงานวิจัยสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เช่น เทคนิคไอโซโทปเพื่อติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการดินถล่ม ความเป็นกรดของมหาสมุทร และอายุการใช้งานของน้ำใต้ดิน ซึ่ง IAEA ยอมรับว่าเป็นส่วนสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 13 ของสหประชาชาติ (UN) ด้านการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในภาคเกษตร มาเลเซียยังใช้เทคนิคเกี่ยวกับนิวเคลียร์เพื่อปรับปรุงสายพันธุ์พืชให้ทนต่อสภาพอากาศและโรคต่าง ๆ ขณะเดียวกัน ชางยอมรับว่าประเทศยังต้องให้สัตยาบันสนธิสัญญาระหว่างประเทศอีกหลายฉบับก่อนจะเดินหน้าพัฒนาด้านนิวเคลียร์ โดยมาเลเซียมีโครงการสกัดธาตุทอเรียมในระดับห้องปฏิบัติการที่ให้ผลลัพธ์น่าพอใจ แต่ยังไม่ได้เริ่มการวิจัยและพัฒนาเพื่อผลิตไฟฟ้าจากทอเรียม
ทั้งนี้ ชางกล่าวว่า "เรากำลังยกระดับศักยภาพการวิจัยอย่างต่อเนื่อง และทำงานร่วมกับประเทศที่มีความเชี่ยวชาญสูงในด้านนี้ เช่น จีน อินเดีย รัสเซีย และสหรัฐฯ"