กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนต.ค. โดยมีเป้าหมายเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมา
มติดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก 8 ชาติสมาชิกของกลุ่มโอเปกพลัส ซึ่งได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย ได้เสร็จสิ้นการประชุมผ่านระบบออนไลน์ในวันอาทิตย์ (7 ก.ย.) โดยประเทศสมาชิกได้ทำการทบทวนสถานการณ์และแนวโน้มตลาดน้ำมันโลก
แถลงการณ์บนเว็บไซต์ของกลุ่มโอเปกพลัสระบุว่า สมาชิกทั้ง 8 ประเทศได้ตัดสินใจปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนต.ค. พร้อมระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงมีเสถียรภาพ และปัจจัยพื้นฐานของตลาดน้ำมันในปัจจุบันยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ สมาชิกทั้ง 8 ประเทศของโอเปกพลัสจะจัดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 5 ต.ค. เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการผลิตในวันข้างหน้า
อย่างไรก็ดี ปริมาณการผลิตที่จะปรับเพิ่มในเดือนต.ค.นั้น ยังน้อยกว่าในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ โดยโอเปกพลัสได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิต 547,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย., เพิ่มกำลังการผลิต 548,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค. และปรับเพิ่มกำลังการผลิต 411,000 บาร์เรล/วันทั้งในเดือนเดือนพ.ค., เดือนมิ.ย. และเดือนก.ค.
ก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสได้ปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด แต่ในปีนี้ โอเปกพลัสได้เริ่มเปลี่ยนแปลงท่าทีเพื่อกลับมาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดอีกครั้ง โดยได้เริ่มปรับเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนเม.ย.ภายใต้แรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ได้เรียกร้องให้โอเปกปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อช่วยควบคุมราคาน้ำมันในตลาด