กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกเล็กน้อยในเดือนธ.ค. แต่ได้ตัดสินใจระงับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาส 1/2569 ซึ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มโอเปกพลัสเริ่มชะลอแผนการทวงคืนส่วนแบ่งตลาด เนื่องจากมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
ในการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 พ.ย.) สมาชิกทั้ง 8 ประเทศของกลุ่มโอเปกพลัส ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่ปรับเพิ่มในเดือนต.ค.และเดือนพ.ย.
"แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี และปัจจัยพื้นของตลาดน้ำมันในปัจจุบันยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ด้วยมุมมองนี้ สมาชิกโอเปกพลัสทั้ง 8 ประเทศมีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยตามฤดูกาลแล้ว โอเปกพลัสได้ตัดสินใจที่จะระงับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนม.ค., เดือนก.พ. และเดือนมี.ค. ปี 2569" โอเปกพลัสระบุในแถลงการณ์
นับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้ โอเปกพลัสได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันราว 2.9 ล้านบาร์เรล/วัน หรือประมาณ 2.7% ของอุปทานทั่วโลก แต่ได้ชะลอการเพิ่มกำลังการผลิตตั้งแต่เดือนต.ค. ท่ามกลางการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันโลกล้นตลาด
ราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด แต่จากนั้นราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นแตะระดับ 65 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากข่าวสหรัฐฯ คว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของรัสเซีย รวมทั้งความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า
นักวิเคราะห์จาก UBS คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจจะไม่เคลื่อนไหวมากนักเมื่อตลาดเปิดทำการซื้อขายในวันนี้ (3 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าโอเปกพลัสจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 137,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. ในการประชุมครั้งนี้