"เมื่อพิจารณาสถานการณ์ในขณะนี้ มีแนวโน้มถึง 90% ที่ราคาจะดิ่งลงอยู่ในช่วง 30-39 ดอลลาร์" นายคริส เมน นักวิเคราะห์ของซิตี้ กรุ๊ปกล่าว
ซิตี้ กรุ๊ป ยังคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะร่วงแตะ 30-35 ดอลลาร์ในช่วงต่อไปในปีนี้ และอยู่ในระดับดังกล่าวตลอดปีหน้า
ด้านนายคาร์สเตน ฟริทช์ นักวิเคราะห์จากคอมเมริซ์แบงก์ เอจี ระบุว่า ความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนจะฉุดราคาน้ำมัน WTI ลงสู่ช่วง 30 ดอลลาร์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ส่วนนายแอนดรูว์ ไลพาว ประธานบริษัทไลพาว ออยล์ แอสโซซิเอทส์ กล่าวว่า น้ำมันจะยังคงเผชิญแรงกดดันจนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า ขณะที่สต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยเขาคาดการณ์ราคาแตะ 32-34 ดอลลาร์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ทรุดตัวลงเกือบ 4% ในวันนี้ แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปีครึ่ง หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
ณ เวลา 22.55 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 3.94% สู่ระดับ 40.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 456.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 326,000 บาร์เรล สู่ระดับ 57.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 594,000 บาร์เรล สู่ระดับ 148.4 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนมีความกังวลต่อภาวะน้ำมันล้นตลาด รวมทั้งอุปสงค์ที่ลดลงในจีนและสหรัฐ
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 101,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับเฉลี่ย 31.51 ล้านบาร์เรลต่อวัน
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ตลาดน้ำมันโลกมีปริมาณน้ำมันส่วนเกินอยู่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในขณะนี้ เมื่อเทียบกับระดับ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้