การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย ที่ประชุมไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับโควต้าการผลิตน้ำมัน
หลังจากการประชุมที่ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมงเสร็จสิ้นลง รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของโอเปกไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมัน และตัดสินใจที่จะประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย.
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่กลุ่มโอเปกไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการกำหนดเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังจากที่ได้จัดประชุมครั้งหลังสุดในช่วงฤดูหนาวปีที่แล้ว
การที่กลุ่มโอเปกตกลงกันไม่ได้ในเรื่องดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับผลประโยชน์และกลยุทธ์การตลาดของบรรดาสมาชิกโอเปกนั้น กำลังเพิ่มมากขึ้น
สื่อต่างประเทศรายงานว่า อิหร่านต้องการให้เพดานการผลิตน้ำมันของประเทศเพิ่มขึ้นถึงระดับก่อนที่อิหร่านจะถูกคว่ำบาตร ขณะที่ประเทศสมาชิกรายอื่นๆของโอเปกมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งซาอุดิอาระเบียที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
นายไบจาน ซานกาเนห์ รัฐมนตรีพลังงานของอิหร่านกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "หากไม่มีการกำหนดโควต้าของแต่ละประเทศ โอเปกก็ไม่สามารถควบคุมอะไรได้" โดยนายซานกาเนห์ ซึ่งสนับสนุนให้อิหร่านเพิ่มการผลิตน้ำมันจนถึงระดับก่อนที่อิหร่านจะถูกคว่ำบาตรนั้น ยังกล่าวด้วยว่า โควต้าการผลิตในสัดส่วน 14.5% ของผลผลิตโดยรวมของโอเปก ถือเป็นโควต้าที่ยุติธรรมสำหรับอิหร่าน
ผลผลิตน้ำมันในปัจจุบันของอิหร่านซึ่งอยู่ที่ 3.56 ล้านบาร์เรลต่อวันนั้น นับว่าใกล้เคียงกับ 3.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับในช่วงก่อนที่อิหร่านจะถูกคว่ำบาตร
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโอเปก จะยังคงเดินหน้าใช้กลยุทธ์กดราคาน้ำมันให้ต่ำลงต่อไป
ปัจจุบันโอเปกผลิตน้ำมันราว 32.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าเพดานที่กำหนดไว้เมื่อช่วงฤดูร้อนที่แล้วอยู่ประมาณ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
"นับตั้งแต่การประชุมครั้งหลังสุดในเดือนธ.ค.2558 ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นกว่า 80% และนี่เป็นข้อพิสูจน์ความจริงที่ว่า ตลาดกำลังเคลื่อนตัวผ่านกระบวนการสร้างสมดุล" โอเปกระบุในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
โอเปกเชื่อว่า การขยายตัวของอุปสงค์ยังคงอยู่ในลักษณะที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อพิจารณาจากทั้งอุปรรคและความคืบหน้าที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะมีการทำข้อตกลงกันในกลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก
เจสัน เชนเกอร์ ประธานและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเพรสทีจ อิโคโนมิกส์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาด กล่าวว่า กลยุทธ์ของโอเปกและราคาน้ำมันที่ตกต่ำ ล้วนแล้วแต่มีอิทธิพลต่อการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานของสหรัฐ อีกทั้งยังทำให้บริษัทหลายแห่งต้องลดการจ้างงานและมีผลกำไรน้อยลง
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประมาณการว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกมีมากกว่าอุปสงค์อยู่ประมาณ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
ก่อนที่โอเปกจะจัดการประชุมในครั้งนี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของโอเปกนั้น นายโมฮัมหมัด ซานูซี บาร์คินโด จากไนจีเรีย ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคนใหม่ของโอเปก โดยจะเริ่มปฎิบัติหน้าที่ดังกล่าวในวันที่ 1 ส.ค.นี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน