สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐอาจกลายเป็นประเทศส่งออกสุทธิพลังงานภายในปี 2565 โดยได้รับปัจจัยขับเคลื่อนจากการเปลี่ยนแปลงในตลาดปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ
ขณะเดียวกันคาดว่า สหรัฐจะกลายเป็นประเทศส่งออกสุทธิพลังงานเร็วขึ้นอีกในกรณีที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลให้มีการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากขึ้น และคาดว่าสหรัฐจะกลายเป็นประเทศส่งออกสุทธิพลังงานภายในปี 2563
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำหรับกรณีที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวขึ้น และทำให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมลดลง ส่งผลให้นำเข้าปิโตรเลียมลดลง
ในทำนองเดียวกัน สำหรับกรณีที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นรวมถึงทรัพยากรและเทคโนโลยีก๊าซ เมื่อประเมินจากแนวโน้มในแวดวงธรณีวิทยาและเทคโนโลยีที่ค่อนข้างเอื้ออำนวยแล้ว สหรัฐน่าจะกลายเป็นประเทศส่งออกสุทธิในปี 2563 และมีการส่งออกสุทธิเพิ่มขึ้นไปจนถึงปี 2593
อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ราคาน้ำมันค่อนข้างต่ำ หรือปัจจัยทางธรณีวิทยาและเทคโนโลยีไม่ค่อยเอื้ออำนวย ตัวเลขการค้าพลังงานสุทธิของสหรัฐยังคงปรับตัวลง และสหรัฐจะยังคงเป็นประเทศนำเข้าสุทธิพลังงานไปจนถึงปี 2593
ทั้งนี้ การค้าปิโตรเลียมสุทธิของสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติ ได้ปรับตัวลดลงในช่วงไม่กี่ปีนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 3.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2560 จากข้อมูลตัวเลขที่บันทึกถึงเดือนพ.ย.
ยอดนำเข้าปิโตรเลียมสุทธิมีความผันผวนตามปัจจัยด้านราคาและทรัพยากร จากการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการผลิตน้ำมันดิบในประเทศ โดยภายในปี 2573 ตัวเลขการค้าปิโตรเลียมสุทธิน่าจะอยู่ที่ส่งออก 5.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในกรณีที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น แตก็อาจกลายเป็นนำเข้า 4.6 ล้านบาร์เรลต่อวันแทนในกรณีที่ราคาน้ำมันปรับตัวลง