เมย์แบงก์ อินเวสเมนต์ แบงก์ รีเสิร์ช ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยของมาเลเซีย คาดการณ์ว่า สถานการณ์ความไม่มั่นคงในตะวันออกกลางและพื้นที่อื่นๆนั้น อาจทำให้ตลาดน้ำมันเกิดความผันผวน และส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
เมย์แบงก์ เปิดเผยว่า เมื่อประเมินจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตะวันออกกลางอาจเป็นอีกปัจจัยกระตุ้นราคาน้ำมัน โดยเดือนพ.ค.เป็นเดือนที่ต้องจับตามองในเรื่องราคาน้ำมัน เนื่องจากเป็นเดือนที่สหรัฐจะตัดสินใจว่าจะกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้งหรือไม่
นอกจากนี้ เมย์แบงก์ ยังระบุว่า ปัจจัยพื้นฐานด้านราคาน้ำมันกำลังปรับตัวดีขึ้น โดยราคาน้ำมันได้ปรับตัวในระดับที่เหนือการคาดการณ์ของเมย์แบงก์
รายงานระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยที่ 68 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้ (year-to-date) โดยเคลื่อนตัวในกรอบ 63-75 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในปี 2561 ของเมย์แบงก์ที่ระดับ 65 ดอลลาร์สหรัฐ
รายงานดังกล่าวระบุว่า "นอกเหนือจากความเสี่ยงเรื่องปริมาณน้ำมันอันเป็นผลมาจากปัจจัยภูมิศาสตร์การเมืองแล้ว เราไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวในระดับปัจจุบันตามปัจจัยพื้นฐานที่ปรับตัวดีขึ้น"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมย์แบงก์ยังมองว่า การปรับตัวลดลงของปริมาณน้ำมันดิบสุทธิทั่วโลก รวมทั้งสต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกและน้ำมันดิบสำรองนอกชายฝั่ง จะเป็นปัจจัยที่ช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากปริมาณน้ำมันจากหินดินดานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น