สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินจะปรับตัวขึ้นในปีนี้
รายงานแนวโน้มพลังงานระยะใกล้ (STEO) ฉบับเดือนพ.ค.ของ EIA คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 71 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์จากตัวเลขคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะเดียวกัน EIA คาดการณ์ว่า ราคาค้าปลีกน้ำมันเบนซินจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.79 ดอลลาร์/แกลลอนในปี 2561 ซึ่งเพิ่มขึ้น 15 เซนต์จากตัวเลขคาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม EIA คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) จะเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่าน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ประมาณ 5 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ส่วนสต็อกน้ำมันนั้น EIA ประมาณการว่า สต็อกน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลงเกือบ 600,000 บาร์เรล/วันในช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมา (ม.ค. 2560-มี.ค. 2561) ขณะที่สต็อกน้ำมันในกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ณ สิ้นสุดเดือนเม.ย. ปรับตัวลง 3% เมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2556-2560)
นอกจากนี้ รายงานของ EIA ระบุว่า ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงเหลวทั่วโลกปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย EIA ประมาณการว่า ปริมาณการใช้น้ำมันต่อตัวเลข GDP ในปี 2561 จะอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555 โดยอัตราการเติบโตของ GDP ที่ปรับตัวขึ้นจะส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นเหนือระดับคาดการณ์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบ และจะมีผลต่อราคาหุ้นพลังงานในตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน