ราคาทองคำขยับขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ (2 มิ.ย.) จากแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับคำขู่ล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50%
ณ เวลา 10.41 น. ตามเวลาไทย ราคาทองคำสปอตอยู่ที่ 3,305.49 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 16.91 ดอลลาร์ หรือ +0.51% ขณะที่ราคาทองฟิวเจอร์อยู่ที่ 3,305.41 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 16.83 ดอลลาร์ หรือ +0.51%
นักวิเคราะห์ระบุว่า ความกังวลเรื่องการค้าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กลับมาชัดเจนอีกครั้ง ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ ซึ่งมักจะได้รับความนิยมในช่วงที่ตลาดการเงินเผชิญความไม่แน่นอน โดยเฉพาะเมื่อเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือเงินสกุลอื่น
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์แถลงเมื่อวันศุกร์ว่า เตรียมเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ซึ่งทำให้คณะกรรมาธิการยุโรปออกมาเตือนว่า ยุโรปพร้อมตอบโต้ หากสหรัฐฯ เดินหน้าดำเนินมาตรการดังกล่าว
ขณะเดียวกัน รัสเซียและยูเครนยังคงปะทะกันอย่างรุนแรงก่อนการเจรจาสันติภาพรอบที่ 2 ที่กรุงอิสตันบูล โดยมีการโจมตีระลอกใหม่รวมถึงการโต้กลับของยูเครน และการโจมตีทางอากาศด้วยโดรนจากรัสเซียในช่วงกลางคืน
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐลดลง 0.2% ส่งผลให้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้น
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลายราย เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงิน โดยเฉพาะจากเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดที่มีกำหนดแถลงในวันนี้
ขณะเดียวกัน คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการเฟดระบุว่า แม้การขึ้นภาษีของรัฐบาลทรัมป์อาจสร้างแรงกดดันต่อราคาสินค้าในระยะสั้น แต่เฟดยังเปิดโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกภายในปีนี้
ด้านสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เตรียมหารือกันในเร็ว ๆ นี้ เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้า โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับแร่หายากและแร่สำคัญอื่น ๆ