ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 70 ดอลลาร์ ทะลุระดับ 3,400 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง ทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ณ เวลา 20.56 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. บวก 73.40 ดอลลาร์ หรือ 2.20% สู่ระดับ 3,417.10 ดอลลาร์/ออนซ์
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐสั่งอพยพเจ้าหน้าที่บางส่วนออกจากสถานทูตในอิรัก เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะที่อิหร่านขู่โจมตีฐานทัพสหรัฐในภูมิภาค หากการเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านประสบความล้มเหลว
นอกจากนี้ นักลงทุนพากันเข้าซื้อทอง ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ที่จะไม่ขยายเส้นตายการผ่อนผันการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อประเทศคู่ค้า
ก่อนหน้านี้ ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ในวงกว้างต่อประเทศและดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 180 แห่ง ก่อนที่เขาจะผ่อนปรนภาษีดังกล่าวเหลือเพียงการเก็บภาษีพื้นฐานในอัตรา 10% เป็นเวลา 90 วันเพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ใช้เวลาในช่วงดังกล่าวทำการเจรจาการค้ากับสหรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาที่สหรัฐมองว่าถูกประเทศคู่ค้าเอาเปรียบ โดยเส้นตายของระยะเวลาผ่อนผัน 90 วันดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 8 ก.ค.
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขายินดีที่จะขยายเส้นตายในวันที่ 8 ก.ค.ออกไป ก่อนที่มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงขึ้นต่อประเทศคู่ค้าจะมีผลบังคับใช้
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์กล่าวเสริมว่า สหรัฐอาจไม่จำเป็นต้องขยายเวลาผ่อนผันดังกล่าว
"ผมยินดีที่จะขยายเวลา แต่ผมไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องทำเช่นนั้น โดยเราได้บรรลุข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมกับจีนแล้ว เรากำลังเจรจากับญี่ปุ่น กับเกาหลีใต้ และกับอีกหลายประเทศ ดังนั้นเราจะส่งจดหมายไปยังประเทศต่าง ๆ ภายในเวลาสัปดาห์ครึ่งถึงสองสัปดาห์ เพื่อแจ้งให้พวกเขาทราบถึงข้อตกลง เหมือนที่ผมได้ทำกับสหภาพยุโรป" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนขานรับการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ชะลอตัว ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และเป็นปัจจัยหนุนคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.