สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นมากกว่า 50 ดอลลาร์ในวันศุกร์ (13 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนแห่เข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่อิหร่าน ซึ่งจุดกระแสความกังวลว่าความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจลุกลาม
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 50.40 ดอลลาร์ หรือ 1.48% ปิดที่ 3,452.80 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่อิสราเอลโจมตีเป้าหมายในอิหร่านนั้นได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดในด้านปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ และราคาทองจะยังทรงตัวในระดับสูงจากความกังวลว่าจะมีการตอบโต้จากอิหร่าน
ในช่วงเช้าวันศุกร์ อิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีหลายพื้นที่ทั่วอิหร่าน โดยระบุว่าได้ถล่มโรงงานนิวเคลียร์ โรงงานผลิตขีปนาวุธ และสังหารผู้บัญชาการทหารของอิหร่าน ซึ่งอาจเป็นปฏิบัติการระยะยาวเพื่อยับยั้งอิหร่านไม่ให้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่า อิหร่านหาภัยมาสู่ตัวเอง เพราะไม่ยอมรับคำขาดของสหรัฐฯ ในการเจรจาจำกัดโครงการนิวเคลียร์
ขณะเดียวกัน ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ได้ช่วยเสริมแรงบวกให้กับทองคำ และหนุนความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ยลงเร็วขึ้น
ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับความนิยมในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวนหรือเกิดความไม่สงบทางภูมิรัฐศาสตร์ และมักได้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยต่ำ
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ย้ำคาดการณ์ว่า การเข้าซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง จะดันราคาทองคำขึ้นแตะ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2568 และแตะ 4,000 ดอลลาร์ภายในกลางปี 2569
ด้านธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา (BofA) คาดว่าราคาทองมีแนวโน้มแตะ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายใน 12 เดือนข้างหน้า