สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (17 มิ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยฉุดตลาด ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน รวมทั้งผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 10.40 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 3,406.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.84% แตะที่ระดับ 98.821 ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาด เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นักลงทุนติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด ในขณะที่การสู้รบทางอากาศระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 5 และไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง
สื่อรายงานว่ากองทัพสหรัฐฯ กำลังส่งเครื่องบินขับไล่เข้าไปประจำการในตะวันออกกลางเพิ่มเติม และขยายเวลาการประจำการของเครื่องบินรบอื่น ๆ ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เตือนประชาชนในกรุงเตหะรานให้เร่งอพยพ พร้อมกับเรียกร้องให้อิหร่านล้มเลิกความทะเยอทะยานที่จะครอบครองนิวเคลียร์และหันมาทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาต้องการให้ข้อพิพาทด้านนิวเคลียร์กับอิหร่าน "ยุติลงอย่างแท้จริง" พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจจะส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ไปยังอิหร่าน
ผลสำรวจโดยสภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางทั่วโลกคาดการณ์ว่าสัดส่วนการถือครองทองคำในระบบทุนสำรองของธนาคารกลางจะเพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้า
คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ (18 มิ.ย.) ตามเวลาสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด รวมทั้งรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ