ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลดลงในการซื้อขายวันอังคาร (12 ส.ค.) หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายวันก่อนหน้าจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะนี้นักลงทุนกำลังหันมาจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ณ เวลา 19.13 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวลดลง 12.10 ดอลลาร์ หรือ -0.36% สู่ระดับ 3,392.60 ดอลลาร์/ออนซ์
การร่วงลงของราคาทองคำเมื่อวันจันทร์ (11 ส.ค.) ซึ่งทำให้ราคาทองคำแท่งปรับตัวลง 1.6% สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งสัปดาห์ และราคาทองฟิวเจอร์ดิ่งลงมากกว่า 2% นั้น มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่าจะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าทองคำแท่ง ซึ่งข่าวดังกล่าวสวนทางกับรายงานเมื่อวันศุกร์ (8 ส.ค.) ที่ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าทองคำแท่งขนาด 1 กิโลกรัม ซึ่งเคยหนุนให้ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะเดียวกัน ตลาดกำลังจับตาการเปิดเผยรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในเวลา 19:30 น. ตามเวลาไทย โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ดัชนี Core CPI จะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งจะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อรายปีสูงขึ้นเป็น 3% และอยู่ห่างจากเป้าหมาย 2% ของเฟดมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ตลาดให้น้ำหนักถึง 85% ที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า โดยทั่วไปแล้ว นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายควบคู่กับความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ มักเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้ ความสนใจของตลาดยังเริ่มหันไปที่ตำแหน่งผู้นำของเฟดในวาระถัดไป เนื่องจากเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคนปัจจุบัน จะครบวาระในเดือนพ.ค. ปีหน้า