ราคาทองพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ในวันนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า การยุติภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ จะทำให้สหรัฐเผชิญกับปัญหาหนี้สาธารณะเพิ่มสูงยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ราคาทองได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง ทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ณ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ราคาทองสปอต บวก 20.98 ดอลลาร์ หรือ 0.50% สู่ระดับ 4,227.98 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 23.80 ดอลลาร์ หรือ 0.56% สู่ระดับ 4,237.40 ดอลลาร์/ออนซ์
การปิดหน่วยงานรัฐบาลหรือชัตดาวน์ ซึ่งกินเวลา 43 วัน ทำสถิติยาวนานที่สุดของสหรัฐได้สิ้นสุดลงในวันนี้ หลังจากที่สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้
อย่างไรก็ดี กฎหมายดังกล่าวมีการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานรัฐบาลส่วนใหญ่ในระดับเดิมจนถึงเพียงวันที่ 30 มกราคม 2569 และคาดว่างบประมาณดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอีก 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ จากเดิมอยู่ที่ระดับ 38 ล้านล้านดอลลาร์
ราคาทองพุ่งขึ้น 60% นับตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,381.21 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ส่งผลให้ทองเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในปีนี้มากกว่าการลงทุนในหุ้น บิตคอยน์ น้ำมัน และดอลลาร์สหรัฐ โดยได้ปัจจัยบวกจากความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความกังวลทางเศรษฐกิจ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และแนวโน้มการลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งการไหลเข้าของเงินลงทุนเข้าสู่กองทุน ETF ทอง