สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเกือบ 1% ในวันอังคาร (30 ธ.ค.) โดยราคาฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงกว่า 200 ดอลลาร์ในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 42.70 ดอลลาร์ หรือ 0.98% ปิดที่ 4,386.30 ดอลลาร์/ออนซ์
เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยว่า ยูเครนได้ลอบส่งโดรนโจมตีที่พักของประธานาธิบดีในแคว้นนอฟโกรอด ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย พร้อมกับเตือนว่ารัสเซียจะไม่ปล่อยผ่านการกระทำเช่นนี้ของยูเครน และยืนยันว่ากองทัพรัสเซียได้ระบุเป้าหมายสำหรับการตอบโต้และกำหนดเวลาสำหรับการโจมตีแล้ว
ทั้งนี้ รัสเซียประกาศเพิ่มความแข็งกร้าวในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน หลังเกิดเหตุการณ์โจมตีบ้านพักของปูติน ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการโจมดังกล่าว โดยระบุว่าเป็น "อีกหนึ่งคำโกหกจากสหพันธรัฐรัสเซีย" และเป็นข้ออ้างของรัสเซียในการโจมตียูเครน รวมถึงเป็นข้ออ้างของรัสเซียที่จะปฏิเสธการดำเนินมาตรการที่จำเป็นในการยุติวิกฤตการณ์นี้
นักวิเคราะห์จากบริษัท Zaner Metals กล่าวว่า นักลงทุนยังคงไม่มั่นใจว่าจะมีการทำข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และดัชนีชี้วัดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ช่วยหนุนแรงซื้อทองคำ
ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปแล้ว 66% ในปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องของธนาคารกลาง และเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ
ส่วนราคาโลหะเงินพุ่งขึ้น 7.3% แตะระดับ 77.48 ดอลลาร์/ออนซ์ ในวันอังคาร โดยราคาโลหะเงินทะยานขึ้น 168% แล้วในปีนี้ หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ จัดให้เงินเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญ ท่ามกลางภาวะอุปทานตึงตัว และความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและนักลงทุน โดยโลหะเงินถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ รวมถึงแผงโซลาร์เซลล์ ศูนย์ข้อมูล และยานยนต์ไฟฟ้า
ขณะที่ราคาพลาตินัมพุ่งขึ้น 5.1% แตะระดับ 2,216.45 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมปรับตัวขึ้น 1.6% แตะระดับ 1,639.08 ดอลลาร์/ออนซ์ ในวันอังคาร