สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3.3 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ระดับ 1,162.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลให้ตลอดสัปดาห์ ราคาทองร่วงลง 1.7%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับลง 1 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 15.827 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 11.2 ดอลลาร์ หรือ 1.11% ปิดที่ 1,001.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์กได้รับปัจจัยถ่วงจากดอลลาร์ที่แข็งค่า หลังจากที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะเวลา 1 ปี และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะเวลา 1 ปีลง 0.25% สู่ระดับ 4.35% และ 1.50% ตามลำดับ โดยมีผลบังคับใช้ในวันเสาร์ (24 ต.ค.)
นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังได้ปรับลดสัดส่วนการกันสำรอง (RRR) ของธนาคารพาณิชย์ลง 0.5% รวมทั้งปรับลด RRR ของสถาบันการเงินที่สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อม รวมทั้งภาคการเกษตรลง 0.5% เช่นกัน
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับอีกหกสกุลเงินหลัก เพิ่มขึ้น 0.76% ที่ระดับ 97.114 ในช่วงท้ายของการซื้อขายในวันศุกร์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงโลหะมีค่าอย่างทอง ซึ่งกำหนดราคาซื้อขายเป็นสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นและน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่นๆ
ขณะเดียวกันวานนี้ มาร์กิต ผู้ให้บริการข้อมูลการเงิน ได้เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนต.ค.ของสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นแตะ 54 จากระดับ 53.1 ในเดือนก.ย.
ตัวเลขล่าสุดดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 53 และอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างการขยายตัวและหดตัวอยู่มากพอควร บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดีเกินคาดดังกล่าวทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งหันกลับมามุ่งความสนใจไปที่ประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอีกครั้ง โดยธนาคารกลางสหรัฐมีกำหนดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 27-28 ตุลาคมนี้