สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ภายหลังเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐออกมาแสดงความเห็นที่ทำให้เกิดกระแสวิตกกังวลว่า เฟดอาจจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวลง 7.1 ดอลลาร์ หรือ 0.53% ปิดที่ 1,334.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว ขณะที่ตลอดสัปดาห์ ราคาทองปรับตัวขึ้น 0.6%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 31 เซนต์ หรือ 1.58% ปิดที่ 19.368 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 17.2 ดอลลาร์ หรือ 1.59% ปิดที่ 1,067.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 12.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 675.65 ดอลลาร์/ออนซ์
ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐหลายคนออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเปรียบเทียบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกับตะกร้าสกุลเงินหลัก ปรับตัวขึ้น 0.5% แตะที่ 95.46 จุด เมื่อเวลา 00.15 น.ของวันเสาร์ โดยปกติแล้ว ทองและดอลลาร์จะเคลื่อนตัวในทิศทางตรงข้ามกัน ซึ่งหมายความว่าหากดอลลาร์ปรับตัวขึ้น สัญญาทองก็จะปรับตัวลง เนื่องจากทอง ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ จะมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุน
นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน กล่าวเตือนว่า เฟดเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น หากชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป ดังนั้นการใช้นโยบายคุมเข้มอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงมีความเหมาะสม
ประธานเฟดบอสตันไม่ได้ระบุว่าเขาคาดหวังให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีหรือไม่ แต่ถ้อยแถลงของเขาสอดคล้องกับสิ่งที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกำลังมีน้ำหนักมากขึ้น
ทางด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กำลังมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ประธานเฟดดัลลัส ยังกล่าวว่า รายงานการจ้างงานในช่วงที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้น และขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้าไปสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2% จึงคาดกันว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงค่อยๆปรับตัวขึ้นต่อไปในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนได้เพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนนี้ หลังคำกล่าวของนายโรเซนเกรน และนายแคปแลน
ทั้งนี้ นักลงทุนเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ระหว่าง 0.50 - 0.75% ในเดือนก.ย.สู่ระดับ 24% จากเดิมที่ 18% ขณะที่ความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย. อยู่ที่ระดับ 27% และ 58% สำหรับการประชุมเดือนธ.ค.
ขณะที่นายแดเนียล ทารูลโล ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในวันเดียวกันว่า เขาต้องการเห็นหลักฐานมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้ออย่างยั่งยืน ก่อนที่จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี นายทารูลโลกล่าวว่า เขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้
นายทารูลโลระบุว่า เขาต้องการเห็นว่าการใช้จ่ายของการบริโภคส่วนบุคคลเพื่มขึ้นใกล้ 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของเฟด
ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนมีกำหนดที่จะขึ้นกล่าวในงานต่างๆ ก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัวในวันพฤหัสบดี ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก และรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรม ตามด้วยดัชนีราคาผู้บริโภคในวันศุกร์
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐมีกำหนดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 20-21 ก.ย. นี้