สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นทำนิวไฮของตลาดหุ้นสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.6 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ระดับ 1,303.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.2 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 17.369 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ 942.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 9.2 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 976.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.10% สู่ระดับ 93.188 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างทวีปอเมริกา (IDB) ในกรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเยลเลนระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างมั่นคง เช่นเดียวกับตลาดแรงงานก็อยู่ในภาวะที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้สามารถรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงล่าสุดของเยลเลนทำให้เกิดกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดจะดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้
นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร และจากข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) พุ่งขึ้นในเดือนต.ค. โดยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 30.2 จากระดับ 24.2 ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก