ราคาทองฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้อานิสงส์จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งช่วยลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้
นอกจากนี้ ความตึงเครียดของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนแรงซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ณ เวลา 21.24 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ดีดตัวขึ้น 6.30 ดอลลาร์ หรือ 0.48% สู่ระดับ 1,319.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์ร่วงลงในวันนี้ สอดคล้องกับการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันดอลลาร์ในวันนี้
ณ เวลา 20.19 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.31% สู่ระดับ 109.40 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.36% สู่ระดับ 130.51 เยน และดีดตัวขึ้น 0.68% สู่ระดับ 1.1930 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.44% สู่ระดับ 92.63
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะดีดตัวขึ้น 0.3% หลังจากร่วงลง 0.1% ในเดือนมี.ค.
การปรับตัวต่ำกว่าคาดของดัชนี CPI ในเดือนเม.ย.มีสาเหตุจากการชะลอตัวของค่าใช้จ่ายในด้านการรักษาสุขภาพ แม้ว่าราคาน้ำมันเบนซิน และค่าเช่าบ้านดีดตัวขึ้น
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 2.5% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนมี.ค.
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัว 2.1% ในเดือนเม.ย. โดยปรับตัวขึ้นเท่ากับเดือนมี.ค.
ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนตลาด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อวันอังคาร ซึ่งจะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่หลังจากนี้ 180 วัน นอกจากว่าสหรัฐจะมีการบรรลุข้อตกลงใหม่ภายในช่วงเวลาดังกล่าว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจำนวน 200,000-1,000,000 บาร์เรล/วัน โดยตลาดจะเริ่มได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรดังกล่าวตั้งแต่ปีหน้า
ขณะนี้ อิหร่านนับเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก โดยเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยอิหร่านส่งออกน้ำมันมากกว่า 2.6 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากที่มีการลงนามในข้อตกลงในปี 2558 กับกลุ่มประเทศ P5+1 ซึ่งได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน เพื่อแลกกับการที่อิหร่านระงับการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์