สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้สนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ การที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นติดต่อกันหลายวันทำการ ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 12.4 ดอลลาร์ หรือ 1.00% ปิดที่ 1,227.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. 2560
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 19.5 เซนต์ หรือ 1.23% ปิดที่ 15.617 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 6.5 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 819.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 4.30 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 909.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.42% แตะที่ระดับ 94.67 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ราคาทองคำและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกัน โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำจะปรับตัวลดลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองคำ ซึ่งกำหนดราคาในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วเพียงพอที่จะทำให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับมุมมองบวกที่ประธานเฟดมีต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน