สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) หลังจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับราคาทองคำ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. พิ่มขึ้น 4.80 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,428.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 6 ปี หรือนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.2556
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 22.7 เซนต์ หรือ 1.42% ปิดที่ 16.198 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 849.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 31.30 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 1,511.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นหลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.08% แตะที่ 97.15 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองซึ่งอยู่ในรูปสกุลดอลลาร์ จะมีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนซึ่งถือสกุลเงินอื่น
สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ โดย FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 65.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 2.25-2.50% และมีโอกาส 34.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 1.75-2.00%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างสหรัฐและอิหร่าน โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เรือรบของสหรัฐได้ทำลายโดรนของอิหร่านในช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) ได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่ง พร้อมกับลูกเรือ 12 คน โดยอ้างว่าเรือดังกล่าวได้ลักลอบขนถ่ายน้ำมันจากอิหร่านไปให้แก่ลูกค้าชาวต่างชาติ